Monday, September 24, 2012

อาถรรพย์ของแมว


อาถรรพย์และลางร้ายของแมว


ความเชื่อในสมัยโบราณแมวดำ คือแมวแห่งความโชคร้ายที่นำพาความทุกข์และความพินาศมายังตัวผู้เลี้ยงหรือ ผู้ที่ใกล้ชิดกับมัน ความเชื่อของแมวดำมีที่มาเป็นมาอย่างไร ไม่อาจทราบได้ ความเชื่อของความโชคร้ายของแมวดำไม่ได้มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้น ในตำนานเรื่องเล่าของประเทศอินเดียเชื่อว่า แมวดำเป็นสัตว์ลี้ลับ เป็นสัตว์พาหนะของษัษฐี เทพแห่งความตายของทารก

อาถรรพย์ของแมว
อาถรรพย์ของแมว
ในพิธีงานศพของไทยจะถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดไม่ให้มีแมวดำ มากระโดดข้ามโลงศพ หากแมวดำกระโดดข้ามศพเมื่อไหร่จะทำให้วิญญาณร้ายเข้าร่างศพ และตามความเชื่อของชาวมลายู จะนำกรรไกรมาวางไว้บนหน้าอกของคนตาย เพื่อล้างอาถรรพย์เมื่อมีแมวดำเข้ามาใกล้ศพ

ประวัติของแมว


ประวัติของแมว

ประวัติของแมว
ประวัติของแมว

แมว
มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Felis Catus นักชีววิทยาค้นพบว่า บรรพบุรุษของแมวถือกำเนิดขึ้นกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และกินเนื้อเป็นอาหาร เรียกว่า Miacis และได้วิวัฒนาการขั้นมาจนเริ่มมีลักษณะคล้ายแมวเมื่อ 10 ล้านปีก่อน มีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกับแมวป่าที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่ เรียกว่า Dinistis ต้นตระกูลของแมวบ้าน

ต้นตระกูลของแมวบ้านจริงๆนั้น แยกออกมาจากตระกูลของ เสือไซบีเรียน และแมวพื้นเมืองต่างๆ ในปัจจุบันสายพันธุ์แมวถูกรวบรวมไว้ถึง 36ตระกูล 51ชนิด (รวมทั้งสิงโตและเสือต่างๆด้วย) ต่อมาถึงยุคอียิปต์โบราณ ประมาณ 4,000กว่าปีก่อน พวกชาวนาได้นำแมวป่า (แมวพื้นเมืองของอียิปต์)มาฝึกให้เชื่อง เพื่อใช้จับหนูในโรงนาและเมื่อหนูในโรงนาหมดไป ก้อทำให้ผลิตผลและพืชพันธุ์มีความเสียหายน้อยลง ประชาชนก็มีอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น และไม่มีโรคภัยที่เกิดจากหนูอีกด้วยชาวอียิปต์จึงนับถือแมวเป็นสัตว์เทพเจ้า ชาวอียิปต์นับถือเทพเจ้า "Bastet"(เทวีบัสเตต) ซึ่งมีตัวเป็นคน แต่มีหัวเป็นแมว เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และความอุดมสมบูรณ์ นอกจากชาวอียิปต์จะใช้แมวจับหนูในโรงนาแล้ว ยังใช้แมวจับหนูบนเรือสินค้าอีกด้วย ตรงจุดนี้ เลยเกิดความเชื่อว่า เมื่อเรือเทียบท่า แมวก็ลงจากเรือ แต่ไม่ได้กลับขึ้นเรือจึงทำให้แมวขนาดพันธุ์ไปทั่วโลก

ความเชื่อเรื่องแมวตั้งแต่ยุคเก่า

ชาวอียิปต์โบราณนั้นนับถือแมวถึงขนาดแมวในบ้านตาย ยังต้องนำไปทำมัมมี่เลย ซึ่งมัมมี่คนจะทำเฉพาะราชวงศ์และขุนนางเท่านั้น (มัมมี่แมวสามารถหาดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ในประเทศอังกฤษ)ในเมื่อแมวเป็นสัตว์ เทพเจ้าของอียิปต์โบราณ จึงมีกฎ หากใครฆ่าแมว จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก พวกที่ต้องการยึดครองอาณาจักรอียิปต์โบราณ จึงใช้วิธีชั่วร้าย "อุ้มแมวไปรบ"แล้วพวกทหารอียิปต์จะสู้ได้อย่างไร แต่ถึงอียิปต์โบราณจะล่มสลายไปแล้ว ชาวอียิปต์ในสมัยก่อนยังนับถือบูชาแมวเหมือนเดิม ขนาดชาวโรมันบางคนฆ่าแมวยังถูกพวกอียิปต์ลงโทษเลย

ต่อมาเข้าสู่ยุคกลางในยุโรป มีความเชื่อเรื่องแม่มด และความชั่วร้ายต่างๆ ชาวยุโรปในยุคนี้กล่าวหาว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มด (โดยเฉพาะแมวดำ) ดังนั้นใครเลี้ยงแมว จะถูกประณามว่าเป็นแม่มดร้าย ยิ่งเป็นคนแก่เลี้ยงแมวยิ่งแล้วใหญ่ พวกนี้มักจะโดนเผาทั้งเป็น ทั้งคนและแมว ดังนั้นเมื่อ
แมวน้อยลง จึงทำให้มีหนูมากขึ้น ทำให้กาฬโรคระบาดหนักในยุโรปช่วงนั้น แถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นกับจีน เริ่มเลี้ยงแมวกันมากขึ้นจากเดิมที่เคยเลี้ยงอยู่แล้ว และที่ญี่ปุ่นก็ยังใช้แมวเป็นสัญลักษณ์นำโชคอีกด้วย จะเห็นได้จาก "แมวกวัก" ที่ใช้กันตามร้านค้า จะใช้กวักลูกค้า หรือกวักเงินก็แล้วแต่ท่าทางของแมวตัวนั้น และที่จีนก็เชื่อว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค เพราะว่าแมวจะเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ต่อเมื่อมันพอใจที่จะอยู่เท่านั้น เมื่อมันเข้ามาอยู่แล้วเจ้าของบ้าน มักจะมีโชคลาภมา
ประวัติแมว
ประวัติแมว

การเริ่มเลี้ยงแมวในประเทศไทย

ในประเทศไทยก็เริ่มมีการเลี้ยงแมวมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เลี้ยงไว้เพื่อใช้จับหนูเหมือนกับชาวอียิปต์ จนมีตำราแมวให้คุณ-ให้โทษ แมวไทยคู่แรกที่ออกจากประเทศไทยไปสู่สายตาชาวโลก ถูกนำออกไปโดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประราชทานให้กับ Mr.Owen Gould กงศุลอังกฤษประจำกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ.2427 ซึ่งได้นำแมวคู่นี้ไปที่อังกฤษ แมวไทยคู่นี้เป็นแมววิเชียรมาศแต้มสีครั่ง และในปี พ.ศ.2428 แมวไทยคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงานแมว ณ ประเทศอังกฤษ ผลการประกวด ปรากฏว่า แมวไทยคู่นี้ชนะเลิศในการประกวด ทำให้ชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น และได้จัดตั้ง The Siamese Cat Clubs ขึ้นในปีพ.ศ.2443 และ The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นในปี พ.ศ.2471 หลังจากที่แมวไทยคู่นี้ได้ทำเชื่อเสียง ในอังกฤษ ร.5 ทรงเห็นว่า แมวไทยเป็นสัญลักษณ์ ที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของประเทศทั่วโลก จึงได้พระราชทานแมวไทย ให้กับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศทำให้แมวไทย และประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเลยทีเดียว

ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ


ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ

คนไทยเชื่อถือกันว่าหากมีแมวดำข้ามโลงศพ ศพนั้นจะเฮี้ยนนัก หรือแม้แต่มันเดินผ่านหน้าก็ถือว่าจะเป็นลางร้าย 

ความ ผูกพันระหว่างคนกับแมวในลักษณะของความเชื่อมีมาแต่โบราณกาลแล้ว เมื่อราว ๓,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตกาล แมวทุกตัวในสมัยนั้นรวมทั้งแมวดำจะได้รับการยกย่องมาก มีกฎคุ้มครองไม่ให้ผู้ใดทำร้ายหรือฆ่าแมว หากครอบครัวใดมีแมวตาย คนในครอบครัวนั้นจะเศร้าโศกมาก และสำหรับศพของมันไม่ว่าเจ้าของจะยากดีมีจนเพียงใดก็จะแต่งตัวให้แมวอย่าง สวยงาม ใช้ผ้าลินินเนื้อนุ่มห่อศพเอาไว้เหมือนมัมมี่แล้วเก็บในโลงที่ทำจากโลหะมี ค่าเช่น บรอนช์ หรือทำด้วยไม้ซึ่งเป็นของที่หายากมากในอียิปต์ 

เมื่อ ราว ๒,๐๐๐ ปี ก่อนมีข้อเขียนภาษาสันสกฤตพูดถึงบทบาทของแมวในสังคมอินเดีย ส่วนในจีนเมื่อราว ๕๐๐ ปีก่อนคริสตกาลมีหลักฐานว่าขงจื๊อเลี้ยงแมวตัวโปรดอยู่ตัวหนึ่ง ประมาณ ค.ศ. ๖๐๐ นักพยากรณ์ชื่อ มูฮะมัด ท่องบทสวดพร้อมกับอุ้มแมวไว้ด้วยและในช่วงเดียวกันนี้ชาวญี่ปุ่นก็เริ่ม เลี้ยงแมวในสถูปเจดีย์เพื่อรักษาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนคนอียิปต์เมื่อเห็นแมวตกจากที่สูง ๆ แล้วไม่เป็นอะไรก็รู้สึกทึ่ง จึงเริ่มเชื่อกันว่าแมวมี ๙ ชีวิต อย่างไรก็ตามในระหว่างหลายศตวรรษนั้น หากแมวเดินผ่านหน้าใครก็ถือเป็นเรื่องโชคดีของคนนั้น 

ความหวาดกลัวแมวโดยเฉพาะแมวดำเริ่มขึ้นที่ยุโรปในยุคกลาง ที่เห็นชัดเจนก็ในอังกฤษ 
ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ
ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ

แมว มีนิสัยรักอิสระ ดื้อ ชอบขโมย และยังสามารถเพิ่มจำนวนพลเมืองแมวได้อย่างรวดเร็วตามเมืองใหญ่ ๆ ดังนั้นความงามสง่าของมันจึงดูลดน้อยลงในสายตาของผู้คน แมวที่พบเห็นอยู่ตามตรอกมักเลี้ยงกันในหมู่คนยากจนและหญิงชราที่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมื่อความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เวทมนตร์ระบาดไปทั่วยุโรปหญิงชราไร้บ้าน เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเล่นไสยศาสตร์ และแมว (โดยเฉพาะแมวดำ) เพื่อนยากของพวกเธอก็ถูกมองว่าเป็นพวกแม่มดหมอผีไปด้วย 

ที่ ประเทศอังกฤษมีนิทานพื้นเมืองเกี่ยวกับแมวเรื่องหนึ่งสะท้อนความคิดของคนใน สมัยนั้นได้ดี เรื่องมีอยู่ว่าที่เมืองลินคอล์นไชร์ เมื่อทศวรรษ ๑๕๖๐-๑๕๖๙ ในคืนเดือนมืดคืนหนึ่งสองพ่อลูกเห็นสิ่งที่มีชีวิตขนาดเล็กเดินย่องผ่านหน้า พวกเขา ลอดเข้าไปในช่องเตี้ย ๆ ด้วยความกลัวจึงขว้างก้อนหินออกไป ก็ปรากฏว่ามีแมวดำบาดเจ็บโผล่ออกมา แล้วเดินกะเผลกไปบ้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นบ้านของผู้หญิงที่คนทั้งเมืองสงสัยว่าเป็นแม่มด วันต่อมาพ่อลูกคู่นี้ก็พบหญิงคนนี้เดินอยู่ ใบหน้าของเธอมีแผลเป็นรอยถลอก และมีผ้าพันแขนเอาไว้ เวลาเดินขาก็กะเผลก ๆ จากวันนั้นเป็นต้นมาชาวเมืองลินคอล์นไชร์จึงพากันระแวงว่าแมวดำคือแม่มดที่ แปลงตัวมาในยามค่ำคืน 

ปลาย สมัยกลางมีหลายประเทศที่พยายามจะทำลายแมวให้สูญพันธุ์ เพราะโรคกลัวแม่มดระบาดไปทั่ว หญิงที่ไม่มีความผิดและสัตว์เลี้ยงน่าเอ็นดูที่ไม่มีพิษภัยถูกเผาตายเป็น จำนวนมาก แม้เด็กทารกที่เกิดมาแล้วมีดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าเจ้าเล่ห์เกินไปมีบุคลิกแก่แดดเกินไป ก็จะถูกสังเวยความกลัวนี้ เพราะเชื่อว่าแกมีวิญญาณสิงอยู่และจะเติบโตเป็นแม่มดหรือพ่อมดซึ่งกลายร่าง เป็นแมวดำใน ตอนกลางคืน ที่ฝรั่งเศส แต่ละเดือนแมวหลายพันตัวถูกเผา จนทศวรรษ ๑๖๓๐-๑๖๓๙ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๘ จึงทรงสั่งให้หยุดการกระทำอันน่าอดสูนี้ 

แม้ แมวดำจะถูกฆ่าทิ้งไปเป็นจำนวนมากทั่วทั้งยุโรปเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่น่าแปลกที่พันธุกรรมของขนแมวสีดำกลับไม่เคยถูกลบเลือนไปจากเผ่าพันธุ์ของ มัน... หรือแมวจะมี ๙ ชีวิตจริง ๆ

พฤติกรรมของแมว

พฤติกรรมของแมว


การแสดงออกของแมวนั้น เกิดได้จาก สัญชาตญาณ การเรียนรู้ อารมณ์ หากคุณมีความสนใจกับสิ่งต่างๆเหล้านี้ ก็จะทำให้คุณเข้าอกเข้าใจในนิสัยใจคอของแมวที่คุณรักได้มากยิ่งขึ้น อันจะเกิดประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยร่วมกัน

สัญชาตญาณความเป็นเจ้าถิ่นของแมว

โดยปกติเรามักจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า แมวคือสัตว์ที่สามารถจดจำในตัวเจ้าของได้ สามารถจดจำสถานที่อยู่อาศัยของตัวเองได้ดี และมีความหวงถิ่นที่อยู่อาศัยของตัวเองมาก โดยสามารถสังเกตได้ดังนี้  แมวจะขับสารชนิดพิเศษปนมายังปัสสาวะ และทำการถ่ายปัสสาวะไปตามที่ต่างๆ เช่น กำแพง พุ่มไม้ รั้วบ้าน ผนังต่างๆ ซึ่งจะเป็นการถ่ายปัสสาวะออกมาเพียงเล็กน้อย แต่สารชนิดพิเศษนี้จะทนทานนานนับสัปดาห์
ในบางครั้งแมวบางตัวอาจจะทำเครื่องหมายที่แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของถิ่น โดยการฝนเล็บของตัวเองไปตามที่ต่างๆในบริเวณบ้าน เช่น โต๊ะหรือต้นไม้ และใต้อุ้งเท้าของแมวยังสามารถผลิตเหงื่อเจือปนลงไปในรอยข่วน ซึ่งเมื่อแมว ตัวอื่นผ่านมาจะรับรู้ได้ทันทีว่าบริเวณนี้มีแมวตัวอื่นเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
นอกจากนี้แมวยังมีต่อมสร้างกลิ่นอยู่ที่ หัว คาง และโคนหาง เพื่อใช้ในการกระจายกลิ่น

ภาษาของแมว

การสื่อสารของแมวนั้น แมวจะสามารถสื่อสารกันได้ในหลายรูปแบบ ใช้การใช้เสียง ใช้กลิ่น การแสดงออกทางท่าทาง การใช้กลิ่นในการสื่อสารของแมวนั้นสามารถใช้ได้ จากกลิ่นของปัสสาวะ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นจากบริเวณแก้ม คาง โคนหาง และกลิ่นนี้่เองจะเป็นการบ่งบอกว่าแมวตัวไหนคือตัวไหน ซึ่งเราอาจจะเคยพบเห็น แมว2ตัวเจอกันแล้วเอาหน้าชนกันพร้อมกับสูดดมซึ่งกันและกัน นั้นคือการทักทายกันของแมว อีกนึงพฤติกรรมของแมวที่สามารถพบเห็นได้บ่อย คือ การหาวของแมวเมื่อแมวหาวนั้นหมายความแมวของคุณกำลังรู้สึกสบาย ส่วนการส่งเสียงร้องจะเป็นการแสดงออกของแมวว่ากำลังรู้สึกไม่สบายใจ หรือไม่มีความสุข หากแมวร้องหง่าวๆออกนั้นหมายความว่าแมวของคุณกำลังเรียกหาคู่

พฤติกรรมของแมว

ท่าทางของแมว

การแสดงออกท่าทางของแมวนั้นเป็นการแสดงออกให้รับรู้ซึ่งกันและกัน สามารถแสดงออกได้หลายอย่างเช่น การแสดงออกจากทางใบหน้า ลำตัว หู และหาง

หูแมว หูจะเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึกมาก เมื่อหูของแมวยื่นไปข้างหน้าจะเป็นการเตือนของแมวว่ากำลังจะทำการจู่โจม ศัตรูของมัน หากหูของแมวมีลักษณะโค้งกลับต่ำลงข้างๆ เป็นการแสดงออกถึงการปกป้องตนเอง และพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ

หนวด สามารถสังเกตได้จากการกระจายของหนวดแมว หากแมวแผ่หนวดของมันออกมาแสดงว่า แมวกำลังอยู่ในความเครียด หรือกำลังสนอกสนใจกับสิ่งใดสิ่งนึงอยู่ หากหนวดของแมวตั้งขึ้น แสดงว่าแมวกำลังอาย และหากหนวดกางออกมาแบบพอดีแสดงว่าแมวกำลังอยู่ลักษณะสบายๆ มีความพึงพอใจอยู่มาก

แมวโคราช

แมวโคราช


แมวโคราช
แมวโคราช


แมวไทยโคราชหรือแมวสีสวาด มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ที่อำเภอพิมาย นครราชสีมา โบราณเรียกว่า แมวสีดอกเลาหรือแมวมาเลศ เพราะมีสีคล้ายสีดอกเลา หัวจะออกเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน มีคางและกรามที่แข็งแรง หูตั้ง หูใหญ่ เด่นอยู่บนหัว เป็นแมวที่แสดงออกถึงความเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เป็นแมวขนาดกลาง ขนสั้น สีสวาด นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย ขณะที่ยังเป็นลูกแมวอยู่ตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีเหลืองอำพัน

ถือว่าเป็นแมวแห่ง โชคลาภ ใช้ประกอบพิธีในการแห่นางแมวขอฝนเชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มา ของฝน อันสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวไรชาวนา ตาที่เป็นสีเขียวหรือสีเหลืองอำพันนั้น เปรียบเสมือนความเขียวขจีของกล้าข้าวในนา

ในอเมริกานินมและรู้จักแมวสีสวาดของไทยเป็นอย่างดี ด้วยเมื่อครั้ง นางยีน จอห์นสัน ติดตามสามีเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ได้นำแมวโคราชกลับไปอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2502 จากนั้นก็นิยมเลี้ยงกันมากไม่แพ้แมววิเชียรมาศ ขนาดมีการจัดตั้งสมาคมผู้นิยมเลี้ยงแมวไทยพันธุ์โคราชขึ้นในอเมริกาอีกด้วย

แมวดำ

แมวดำ

"แมวดำ" เป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัว คนไทยสมัยก่อนถือกันว่า หากแมวดำข้ามโลงศพ ศพนั้นจะเฮี้ยนนัก หรือหากเดินตัดหน้า จะโชคร้ายเป็นต้น ในขณะที่ทางยุโรปถือว่า แมวดำเป็นแมวของแม่มด

น่าแปลกไหม? ที่ทำไมแมวดำจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายไปได้ ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้านี้ ในยุคอียิปต์โบราณ แมวถือเป็นสัตว์เลี้ยงของเทพเจ้าทีเดียว

แมวดำ
แมวดำ


สันนิษฐานกันว่า ความหวาดกลัว
แมวดำเริ่ม ขึ้นที่ยุโรปในยุคกลาง ทั้งนี้เนื่องจากพลเมืองแมวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคนเลี้ยงแมวส่วนใหญ่ เป็นหญิงชราที่ถูกทอดทิ้ง หญิงชราเหล่านี้มักจะขี้ริ้วขี้เหร่ สกปรก แลดูน่ากลัว ประกอบกับแมวเป็น สัตว์ลึกลับ โดยธรรมชาติอยู่แล้ว เมื่อทั้ง 2 สิ่งมาอยู่รวมกัน ในยุคที่คนกำลังเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ และมนต์ดำเป็นอย่างมาก จึงเป็นธรรมดาที่คนจะนำเรื่องมาเชื่อมโยงกัน และเกิดความกลัวขึ้น

นอกจากนี้ ที่อังกฤษมีนิทานพื้นเมืองเกี่ยวกับ
แมวเรื่อง หนึ่ง เล่าว่า ในคืนเดือนมืดคืนหนึ่ง 2 พ่อลูกเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เดินผ่านหน้าบ้านไป และมุดเข้าไปในช่องเตี้ยๆ ด้วยความกลัวเขาจึงขว้างก้อนหินออกไป ปรากฎว่า ไปถูกแมวดำ! และเขาเห็นมันเดินขากะเผลกไปที่บ้านที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นของหญิงแก่ๆ ที่คนกำลังสงสัยกันว่า เป็นแม่มด เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อลูกคู่นี้ก็เห็นหญิงชราคนนี้ หน้าเป็นแผล แขนเจ็บ และเดินขากะเผลก ตั้งแต่วันนั้นมา ชาวเมืองก็เลยพากันระแวงว่า หญิงชราคนนี้ คือแม่มด ที่แปลงร่างเป็นแมวดำในยามค่ำคืน

ในช่วงปลายยุคกลางโรคกลัวแม่มดระบาดหนักมาก ในแต่ละเดือน มี
แมวดำนับ พันๆ ตัวถูกเผา รวมถึงหญิงชราผู้เป็นเจ้าของแมวด้วย นับว่า เป็นการสังเวยความกลัวที่ออกจะน่ากลัวมากเอาการ.. แต่ในปัจจุบัน ความเชื่อเรื่องแมวดำเป็นแมวของแม่มด ดูจะมีเฉพาะแต่ในนิทานให้เด็กๆ ไว้อ่านสนุกๆ เท่านั้น นับว่า เป็นโชคดีของหญิงจรจัด และแมวไป

ลักษณะแมวมงคล 17 ชนิด

ลักษณะแมวมงคล 17 ชนิด

ลักษณะแมวมงคล  17 ชนิด


ลักษณะแมวมงคล (ให้คุณตามตำราสมุดข่อยโบราณ 17 ชนิด)


แมวมาเลศ
แมวมาเลศ


1. แมวมาเลศ เรียกอีกชื่อว่าแมวดอกเลา สำตัวมีสีขี้เถ้า หรือ สีสวาด บางตัวอาจมีขาวแซมกลายเป็นสีดอกเลา มีดวงตาสีเหลืองอำพัน เลี้ยงไว้จะมีความสุข เป็นที่รักใคร่








แมวศุภลักษณ์
แมวศุภลักษณ์



2. แมวศุภลักษณ์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แมวทองแดง มีสีทองแดงหรือสีน้ำตาลแดงเข้มทั่วตัว ดวงตาสีเหลืองใสเป็นประกายผู้ใดเลี้ยงไว้มีแต่จะเพิ่มยศยิ่งขึ้นไป

แมววิเชียรมาศ
แมววิเชียรมาศ








3. แมววิเชียรมาศ สีพื้นเป็นสีขาวหม่น และมีแต้มสีน้ำตาลเข้ม ที่หน้า หาง เท้าทั้ง 4 หูทั้ง 2 และอวัยวะเพศ รวมเป็นเก้าแห่ง ดวงตาสีฟ้าสด เลี้ยงไว้จะนำโชคลาภมาให้







แมวแซมเศวต
แมวแซมเศวต



4. แมวแซมเศวต มีขนสีดำแซมสีขาว เล็กน้อย ขนบางสั้นร่างเพรียว ดวงตาสีเขียว มีคุณด้านใดมิได้บอกไว้








แมวนิลรัตน์
แมวนิลรัตน์


5. แมวนิลรัตน์ สีดำสนิททั้งตัวไม่ว่าจะเป็นขน ตา เล็บ สิ้นฟัน หางเรียว เลี้ยวไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง








แมวสิงหเสพย์
แมวสิงหเสพย์


6. แมวสิงหเสพย์ มีขนสีดำ แต่มีด่างชาวที่จมูก รอบปากละรอบคอ ดวงตาสีเหลืองทองเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง และจะมีสุข







แมววิลาศ
แมววิลาศ

7. แมววิลาศ สี พื้นสีดำ มีแต้มสีขาวที่หูทั้งสอง เท้าทั้งสี่ แต้มเป็นเส้นตรง 2 แห่งคือ ตั้งแต่คอถึงปลายหาง และตั้งแต่ปากล่างถึงท้อง เลี้ยงไว้จะได้ยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สิน





แมวรัตนกำพล
แมวรัตนกำพล


8. แมวรัตนกำพล มีสีขาวนวล มีแต้มสีดำเป็นวงแหวนพาดรัดรอบลำตัว ตาสีทอง เลี้ยงไว้จะได้อำนาจ ยศถาบรรดาศักดิ์








แมวกรอบแว่นหรือแมวอานม้า
แมวกรอบแว่นหรือแมวอานม้า




9. แมวกรอบแว่นหรือแมวอานม้า สีพื้นสีขาว แต่มีแต้มสีดำ กลางหลัง ดูแล้วคล้ายอานม้า และแต้มดำบริเวณรอลดวงตาเหมือนใส่แว่นเลี้ยงไว้จะมีชื่อเสียง แต่หาได้ยาก








แมวมุลิลา
แมวมุลิลา




10. แมวมุลิลา สีพื้นสีดำ แต้มขาวที่หูทั้ง 2 ข้าง ดวงตาสีเหลืองพระสงฆ์ควรเลี้ยง จะทำให้ศึกษาเรียนรู้ธรรมได้ดียิ่งขึ้น








แมวเก้าแต้ม
แมวเก้าแต้ม


11. แมวเก้าแต้ม สีพื้นสีขาวแต้มด้วยสีดำนับรวมทั้งหมด 9 แต้ม เลี้ยงไว้ค้าขายดี เจริญรุ่งเรือง







แมวนิลจักร
แมวนิลจักร




12. แมวนิลจักร สีพื้นเป็นสีดำ มีแต้มสีขาวรอบคอ เหมือนใส่สร้อยเลี้ยงไว้จะได้เงินทองทรัพย์สิน






แมวกระจอก
แมวกระจอก




13. แมวกระจอก ลำตัวอ้วนกลม สีพื้นสีดำ มีแต้มขาวเฉพาะบริเวณปาก ดวงตาสีเหลืองทองเลี้ยงไว้จะได้ทั้งเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์







แมวปัดเศวตหรือปัดตลอด
แมวปัดเศวตหรือปัดตลอด



14. แมวปัดเศวตหรือปัดตลอด สีพื้นสีดำ มีแต้มขาวยาวตั้งแต่ปลายจมูกผ่านหลังไปถึงปลายหาง ดวงตาสีบุษราคัม เลี้ยงไว้จะมีชื่อเสียงเกิดแก่วงศ์ตระกูล








แมวการเวก
แมวการเวก


15. แมวการเวก มีสีพื้นเป็นสีดำ มีแต้มขางเฉพาะตรงสันจมูกเท่านั้น ดวงตาสีอำพัน เลี้ยงไว้จะมีโชคลาภและยศ







แมวจตุบท
แมวจตุบท



16. แมวจตุบท สีพื้นสีดำ มีแต้มขาวที่ขา และเท้าทั้งสี่ และแต้มยาวตั้งแต่หน้าอกถึงท้อง ดวงตาสีเหลืองเชื้อพระวงศ์ฝ่ายราชินีเท่านั้นจึงควรเลี้ยง







แมวโกญจา
แมวโกญจา



17. แมวโกญจา สีดำสนิททั้งตัว (เฉพาะขน) ขนละเอียด หน้ายาว หางยาวเรียว เท้าเหมือนสิงโต เวลาเดินท่าทางเหมือนสิงโตดวงตาสีทองอ่อน ๆ เลี้ยงไว้

10 พันธุ์แมวที่สวยที่สุดในโลก

10 พันธุ์แมวที่สวยที่สุดในโลก


อันดับ 10

แมงซ์ (Manx)

แมวไม่มีหาง
แมวไม่มีหาง
แมวไม่มีหาง
แมวไม่มีหาง
แมวไม่มีหาง
อันดับ 9

อเมริกันขนสั้น (อังกฤษ: American Short Hair)
อเมริกันขนสั้น (อังกฤษ: American Short Hair) พันธุ์อเมริกันขนสั้น (อังกฤษ: American Short Hair) เป็นแมวที่ถูกนำมาจากยุโรปไปสู่แผ่นดินอเมริกาเหนือ เมื่อครั้งมีการโยกย้ายถิ่นฐานของคนยุโรปไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ แมวถูกนำลงเรือไปเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากมันในการล่าหนูมิให้ทำลายข้าว ของซึ่งที่นำไปด้วยนั้นมีหลายตัว และได้ผสมพันธุ์กันจนได้ลูกที่มีลักษณะเฉพาะออกมาให้เห็นอย่างปัจจุบัน เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โครงสร้างลำตัวใหญ่โต มีกล้ามเนื้อแข็งแรงเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่ ยาวขนาดปานกลาง ใบหูขนาดกลางและขอบเป็นทรงกลมมน หัวรูปไข่แต่มีคางที่ค่อนข้างใหญ่ชัดเจน ดวงตาแมวพันธุ์นี้กลมโต ขอบตาด้านนอกด้านบนจะโค้งลงมา สีของตาเป็นสีเขียว
แมวอเมริกันขนสั้น
แมวอเมริกันขนสั้น
แมวอเมริกันขนสั้น
แมวอเมริกันขนสั้น
อันดับ 8

ชอซี (Chausie)
ชอซี (Chausie) แมวที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธ์
แมวชอซี
แมวชอซี
แมวชอซี
แมวชอซี
อันดับ 7

เทอร์คิชแองโกรา (Turkish Angora)
 เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศตุรกี ที่ได้รับชื่อ Angora ต่อท้าย เนื่องจากเป็นแมวตุรกีขนยาวจากเมืองแองโกรานั่นเอง
แมวเทอร์คิชแองโกรา
แมวเทอร์คิชแองโกรา
แมวเทอร์คิชแองโกรา
แมวเทอร์คิชแองโกรา
แมวเทอร์คิชแองโกรา
แมวเทอร์คิชแองโกรา
อันดับ 6

แร็กดอลล์ (Ragdoll )
แร็กดอลล์มีลักษณะเหมือนตุ๊กตาผ้า เวลาอุ้มขึ้นมาก็ทำตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูก ขนบริเวณเอวแน่นฟู ที่สำคัญ แมวพันธุ์นี้คล้ายกับสวมถุงเท้าด้วยบริเวณเท้าจะด่างขาวดูเหมือนกับใส่ถุง เท้าอยู่ มีเสียงร้องที่เบามาก และเป็นแมวที่ชอบความเงียบ
แมวแร็กดอลล์
แมวแร็กดอลล์

แมวแร็กดอลล์
แมวแร็กดอลล์
อันดับ 5

ทอยเกอร์ (Toyger)
 เป็น แมวสายพันธุ์ หนึ่งที่ได้รับการพัฒนาผสมข้ามสายพันธุ์โดย Judy Sudgen แมว ทอยเกอร์ (Toyger) แมว ที่เหมือนเสือที่สุด
แมวทอยเกอร์
แมวทอยเกอร์

แมวทอยเกอร์
แมวทอยเกอร์
อันดับ 4

เปอร์เซียน (Persian)
 เปอร์เซียน เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรืออิหร่าน ถูกนำไปเลี้ยง ในประเทศต่าง ๆ ทั้งใน ยุโรปและอเมริกาเป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว สำหรับประเทศไทยจัดเป็นแมวต่างประเทศ พันธุ์แรกที่ถูกนำมาเผยแพร่ เนื่องจากเป็นแมวที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน สุขุมเข้ากับคนง่าย มี ความร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจงและมีไหวพริบ
แมวเปอร์เซียน
แมวเปอร์เซียน

แมวเปอร์เซียน
แมวเปอร์เซียน
อันดับ 3

Ashera
 มีการผสมแมวพันธุ์ใหม่Asheraออกขาย ในราคาแพงลิบลิ่ว Ashera ราคาตัวละ เจ็ดแสนกว่า เมื่อคุณสั่งซื้อและจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ต้องรอเขาผสม และส่งให้ ในเวลา 9 ถึง 12 เดือน หากต้องการเร็วเขาก็จะลัดคิวให้ แต่จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก เกือบ 2 แสน เขาก็จะส่งถึงบ้านเลย สรุปแล้วตัวละเกือบล้านทีเดียว ทางผู้ผสมพันธุ์เขาตั้งเป้าไว้ แค่ปีละ 100 ตัวทั่วโลก แต่ให้เฉพาะในอเมริกาก็ 50 ตัวแล้ว ที่เหลือ เศรษฐีประเทศต่างๆต้องแย่งกันเอาเอง
แมวพันธุ์Ashera
แมวพันธุ์Ashera

แมวพันธุ์Ashera
แมวพันธุ์Ashera
อันดับ 2

The Sandcat
เป็นแมวรูปร่างเล็กมีความยาวเกือบ 50 ซม. เติบโตในทะเลทราย สามารถอยู่รอดใน อุณหภูมิ ตั้งแต่ -5 องศา C (23 องศา F) 52 องศา C (126 องศา F)

แมว แซนแคท
แมว แซนแคท

แมว แซนแคท
แมว แซนแคท

อันดับ 1

สก็อตทิช โฟลด์(Scottish Fold)
เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมา จากสกอตแลนด์ เป็นแมวขนาดกลาง ศีรษะกลม หูพับหรือตั้ง บางตัวหูจะพับเพียงครึ่งเดียว พับ 2 ส่วนหรือพับ 3 ส่วน จะมีทั้งขนสั้นและขนยาว ลักษณะของหัวเพศผู้จะมีลักษณะกลมโตกว่าหัวของตัวเมีย สำหรับอุปนิสัยจัดเป็นแมวที่มีความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ซน อารมณ์ดี ขี้เล่น มีความกระตือรือร้น ชอบคลอเคลีย, ขี้อ้อนและขี้ประจบเจ้าของ

แมวสก็อตทิช โฟลด์
แมวสก็อตทิช โฟลด์

แมวสก็อตทิช โฟลด์

แมวสก็อตทิช โฟลด์
แมวสก็อตทิช โฟลด์

แมวสก็อตทิช โฟลด์

แมวสก็อตทิช โฟลด์
แมวสก็อตทิช โฟลด์