Saturday, November 24, 2012

โรคของแมวและวัคซีน

โรคของแมวและวัคซีน

โรคของแมวและวัคซีน
สวัสดีครับผมผู้ใหญ่บ้าน ได้ทำการรวบรวมบทความดีๆ ที่ทางสมาชิกได้พบเจอ และแนะนำ บทความเข้ามาในบอร์ดของเรา จึงได้ขอรวบรวม สิ่งดีๆเหล่านี้ ไว้ ณ ที่นี้ครับ ไว้สำหรับผู้เลี้ยงแมว และต้องขอขอบคุณ ทางเจ้าของบทความด้วยนะครับ หากท่านใดสนใจ ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปอ่านต่อที่ ลิ้งค์เข้าของบทความด้านล่างได้เลยครับ
cat
:: โรคของแมวที่ต้องฉีดวัคซีน ::

แมวแหมียว เป็นสัตว์ที่รักอิสระ มีนิสัยชอบท่องเที่ยว ซึ่งวิถีชีวิตแบบนี้ อาจนำเจ้าเหมียวให้ไปสัมผัสกับสัตว์อื่นๆ ทำให้มีโอกาสติดโรคต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีโรคต่างๆ หลายชนิดที่เมื่อแมวเป็นแล้วมักจะถึงแก่เสียชีวิต ได้แก่โรคมะเร็งเม็ดเลือด ( Feline Leukemia) โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ (Feline Infectious Peritonitis)และโรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) โรคไข้หัดแมว ( Feline Distemper ) โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ส่วนโรคอื่นๆก็อาจเป็นอันตรายกับลูกแมว หรือทำให้แมวโตเต็มวัยมีสุขภาพถดถอยได้

ยังนับว่าเป็นโชคดีที่มีวัคซีนเพื่อป้องกันโรคสำคัญๆในแมว วัคซีนจะช่วยปกป้องแมว จากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ



การป้อง กันจะเป็นหลักประกันว่า ท่าได้ให้คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับแมว ของท่านและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า การรักษาเมื่อแมวเป็นโรคนั้น การฉีดวัคซีนให้แมวเป็นวิธีที่ดีที่สุด และราคาถูกที่สุดในการป้องกันโรคต่างๆถ้าท่านเลี้ยงแมวโดยไม่รัการฉีดวัคซีน ตาม โปรแกรม แมวของท่านอาจล้มป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โปรดปรึกษาสัตวแพทย์ ถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อในแมว

cat

:: โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อในแมว (Feline Infection Peritonitis) ::


เกิดจาก เชื้อไวรัส ถึงแม้ความเสี่ยงของการติดโรคนี้จะต่ำ แต่แมวที่เป็นโรคนี้จะเสียชีวิตเสมอภายใน 6 เดือนหลังจากเกิดโรค แมวจะมีช่องท้องขยายใหญ่ เนื่องจากมีของเหลวสะสมอยู่ มีไข้ น้ำหนักลด และตาเจ็บ

:: โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ::

โรคระบบทาง เดินหายใจมักจะแพร่กระจายจากแมวตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งได้ง่าย โดยละอองที่ฟุ้งกระจายเมื่อแมวไอ หรือ จาม ลูกแมวที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นปอดอักเสบ แมวที่ป่วยมักมีน้ำมูก น้ำตาไหล จมูกและปากมีแผล ตาอักเสบ มีไข้ โรคนี้มักมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Feline rhinotracheitis และ Feline calicivirus ในกรณีของ Rhinotracheitis จะมีความรุนแรงกว่าและอาจทำให้แมวที่ตั้งท้องเกิดการแท้งได้ แมวควรไดรับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะป้องกันโรคจากไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ได้

cats

:: ควรฉีดวัคซีนชนิดใดให้กับแมว ::


มี วัคซีนป้องกันโรคให้แมวอยู่หลายชนิด ซึ่งโปรแกรมการทำวัคซีนจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตัว สัตว์ มีปัจจัยบางอย่างที่สัตวแพทย์ใช้พิจารณา ก่อนที่จะเริ่มทำวัคซีนให้กับแมว

สุขภาพ โดยรวม สัตว์ที่มีสภาวะขาดอาหาร หรือป่วย หรือกำลังให้ยาบางอย่างอยู่ อาจไม่ตอบสนองต่อการทำวัคซีน ดังนั้นจึงต้องตรวจสุขภาพก่อนทำวัคซีน

ความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค วัคซีนป้องกันโรคบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องฉีด ถ้าความเสี่ยงต่อการติดโรคนี้มีน้อย

อายุแมววัคซีนส่วนใหญ่ประสิทธิภาพดี เมื่อให้กับลูกแมวที่หย่านมแล้ว เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากแม่อาจไปลบล้างการทำงานของวัคซีนได้

สัตว์ ที่มีพยาธิ ( เช่นพยาธิลำไส้หรือหมัด ) หรือมีการติดเชื้อ อาจไม่ตอบสนองความต่อการทำวัคซีนได้ สัตวแพทย์จะเป็นผู้แนะนำโปรแกรมวัคซีนที่เหมาะสมและช่วยให้แมวของท่านมี สุขภาพดี ขึ้น

j6ij4

:: การตัดสินใจทำวัคซีน ::


นอกจากโรคไข้หัดแมว และโรคระบบทางเดินหายใจ ที่มีอัตราการป่วยและตายค่อนข้างสูง โรคติดเชื้ออื่น ๆ ในแมวที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมีอัตราต่ำ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า < 1 % โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ น้อยกว่า 1 % และโรคมะเร็งของเม็ดเลือด น้อยกว่า 3% แต่โรคเหล่านี้ในแมวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมถึงสถานะของแมวที่ท่าน เลี้ยง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูงขึ้น สัตวแพทย์สามารถแนะนำและให้คำปรึกษากับท่านได้

ข้อมูลดีๆจาก : http://www.catandkittenstory.com

โรคไข้หัดแมว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

หลังเกิดกรณีแมวจำนวนหลายร้อยตัวได้เสียชีวิตติดต่อกันในพื้นที่ของ จังหวัดอ่างทอง ทำให้มีประชาชนนำแมวไปปล่อยตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะวัด เกิดปัญหาสัตว์จรจัดเพิ่มมากขึ้น และหากแมวเหล่านั้นไม่ได้รับการดูแลหรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ไว้ก่อน ก็อาจจะเป็นพาหะหรือนำไปสู่การติดต่อของโรค จนถึงขั้นป่วยและเสียชีวิตให้กับแมวในพื้นที่อื่นๆ ได้ต่อไป

ชมรมนิยมแมวแห่งประเทศไทย
จึงขอให้ประชาชนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใกล้ชิดกับแมวทั่วไป อย่าได้ตื่นตระหนกตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นจนถึงขั้นรังเกียจแมว แต่ขอให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำและคำชี้แจงจากสัตวแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องอย่างเข้าใจ เพราะในความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่แมวจะเป็นไข้หวัดหรือเป็นไข้หัดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ หากผู้เลี้ยงแมวไม่ได้นำแมวเหล่านั้นไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อน โอกาสที่แมวจะเกิดโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัด พยาธิ พิษสุนัขบ้า ภาวะการติดเชื้อจากร่างกายอ่อนแอ โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคหัดซึ่งถือเป็นโรคติดต่อง่ายที่สุด เพียงแค่สัมผัสจากลมหายใจ ย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่สามารถป้องกันได้ โดยภายหลังจากการเล่นกับแมวหรือสัตว์เลี้ยงชนิดใดก็ตามให้ทำความสะอาดส่วน ที่เราได้สัมผัสกับสัตว์เหล่านั้นทุกครั้ง

สัตว์เลี้ยง, โรคไข้หัดแมว, แมว

สำหรับ วิธีการเลี้ยงแมวอย่างถูกต้องเหมาะสมนั้น ผู้ที่เลี้ยงแมวควรพาแมวไปตรวจสุขาพที่โรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกสัตว์ใกล้ บ้าน โดยสัตวแพทย์จะแนะนำให้พาแมวไปฉีดวัคซีนตามอายุต่างๆ ได้แก่

แมว อายุ 1 เดือน
สามารถให้สัตว์แพทย์ตรวจอุจจาระและถ่ายพยาธิได้แล้ว
แมว อายุ 2 เดือน
ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หัดแมว และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งวัคซีนลิวคีเมียเพื่อป้องกันมะเร็งในเม็ดเลือดขาว
แมว อายุ 3 เดือน
ฉีดป้องกันพิษสุนัขบ้าครั้งที่ 1
และ อายุ 6 เดือน ฉีดป้องกันพิษสุนัขบ้าครั้งที่ 2

หลัง จากนั้นปีละครั้ง ต้องฉีดวัคซีนไข้หัดแมว วัคซีนป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจต่างๆ วัคซีนลิวคีเมีย และโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งนี้สัตวแพทย์จะนัดหมายหรือวางโปรแกรมให้กับแมว ตามความเหมาะสมของสุขภาพแมวแตละตัวด้วย


นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงแมวต้องคำนึงถึงสุขอนามัยของคนกับแมวที่อาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น ถ้าเป็นไปได้ก็ควรทำความสะอาดแมวด้วยการอาบน้ำ เช็ดหูแมว และควรมีกะบะใส่ทรายแมวไว้ เพื่อให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง จะสะดวกต่อการเก็บ และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ หากผู้ใดไม่ต้องการเลี้ยงแมวมากก็ควรจะนำไปทำหมัน และดูแลแมวเท่าที่มีอยู่ต่อไปจนกว่าจะหมดอายุขัย ซึ่งเท่าที่ชมรมฯ พบแมวที่มีอายุมากที่สุดในขณะนี้คือประมาณ 21 ปี หากแมวป่วยก็ควรกักพื้นที่ดูอาการ แยกรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ไม่ใช่นำแมวไปทิ้งนอกบ้าน กลายเป็นภาระของผู้อื่นและเป็นปัญหาสังคมต่อไป

ถ้า มีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กรุณาติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์บริการเพื่อผู้บริโภค เพอร์เฟค คอมพาเนียน เพ็ท แคร์ 0-2800-9090 หรือชมรมผู้นิยมแมวแห่งประเทศไทย โทร. 0-2811-0211-4

แนะนำวิธีการดูแลแมวเด็ก




แนะนำวิธีการดูแลแมวเด็ก
(cat magazine)


            Krung Siam Cattery เป็นฟาร์มแมวที่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางสมาคม CFA โดยทางฟาร์มจะมีแมวอยู่สองสายพันธุ์คือ เปอร์เซีย จะเป็นเพ็ดดิกรี CFA ทั้งหมด และ สก็อตติช โฟลด์ จะมีทั้งเพ็ดดิกรี CFA และเพ็ดดิกรี SCFC (สมาคมของไทย) ซึ่งลักษณะนิสัยของสองสายพันธุ์นี้ค่อนข้างจะแตกต่างกันโดยสั้นเชิง แต่สามารถฝึกลูกแมวตั้งแต่วัยเด็กได้ค่ะ วันนี้ Krung Siam Cattery จะมาแนะนำวิธีการดูแลลูกแมวเด็กสำหรับ 2 สายพันธุ์นี้นะคะ





 Breed tips สำหรับลูกแมวเปอร์เซีย

            แมวเปอร์เซียจะเป็นแมวที่เรียบร้อย ขี้อ้อน ช่างประจบ ติดเจ้าของ รักสะอาด ชอบแต่งตัว ชอบหวีขน เราสามารถฝึกลูกแมวให้ชินกับการอาบน้ำ หวีขนได้ตั้งแต่วัยเด็กค่ะ

            สำหรับลูกแมวเปอร์เซีย สามารถหัดให้เขาชินกับการอาบน้ำได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนค่ะ ควรหัดจับเขาหงายท้อง ให้เขาชินกับการแปรงขนบริเวณท้องได้ตั้งแต่วัยเด็กเช่นกันค่ะ

            ควรเช็ดทำความสะอาดหน้าทุกวัน เพื่อเป็นการฝึกลูกแมวให้ชินกับการเช็ดหน้า หากลูกแมวตัวไหนที่มีน้ำตาเยอะสามารถใช้แป้งขจัดคราบน้ำตา ทาทุกครั้งหลังการเช็ดทำความสะอาดหน้าได้เช่นกันค่ะ




 Breed tips สำหรับลูกแมวสก็อตติช โฟลด์

            แมวสก็อตติช โฟลด์ จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ช่างสงสัย เล่นซน ไม่ค่อยขอบให้อุ้มเท่าไร ชอบเล่นซนเอง หากต้องการให้เขาติดเจ้าของควรฝึกตั้งแต่เล็กๆ โดยการอุ้มและสัมผัสเขาบ่อยๆ พูดคุยเวลาอุ้มให้เขาคุ้นเสียง จะทำให้แมวนิ่งขึ้นแล้วยอมให้อุ้มมากขึ้นพร้อมกับสร้างความคุ้นเคยโดยการใช้ ของเล่นแมวเป็นตัวเชื่อมาระหว่างเจ้าของกับแมว และอย่าลืมว่าแมวเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบการบังคับ ฝึกวันละนิดวันละหน่อยก็พอค่ะ

            ลูกแมวสก็อตติช โฟลด์ จะเป็นแมวที่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง เพราะไม่ต้องดูแลอะไรมากมายค่ะ อาบน้ำ 10 วันครั้ง หรือ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ก็เพียงพอ แต่ต้องเช็ดหู ตัดเล็บ ทุกสัปดาห์นะคะ

            ที่ สำคัญ ลูกแมวทั้งสองสายพันธุ์นี้ควรเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดนะคะ โดยวางอาหารเม็ดแลนน้ำสะอาดไว้ให้เขาตลอดเวลา สำหรับอาหารเม็ดควรให้แค่พอประมาณ วันต่อวัน ไม่ควรเทเยอะแล้วปล่อยให้ค้างทิ้งไว้ค่ะ

            สำหรับน้ำดื่ม ถ้าแมวกินน้ำจากขวดได้ ก็ควรจะเปลี่ยนน้ำและล้างทำความสะอาดขวดน้ำทุก 3 วันค่ะ สำหรับแมวที่ไม่ยอมกินน้ำจากขวดการให้น้ำกินจากถ้วย ควรเปลี่ยนน้ำวันละ 2 รอบ คือเข้ากับค่ำนะคะ




 การฝึกการอาบน้ำลูกแมว

            ควรอาบด้วยน้ำอุ่น ๆ โดยใช้มือลูบน้ำอุ่นไปตามตัวก่อนที่จะใช้ฝักบัวจ่อตรงไปที่แมว ควรระวังการทำน้ำเข้าจมูกหรือใบหน้าแมว วิธีที่ดีกว่าคือให้อาบน้ำตั้งแต่บริเวณหลังใบหูและต้นคอลงไปค่ะ ส่วนบริเวณหน้าผาก และใบหน้า ใช้ฟองน้ำ (แบบแป้งตลับทาหน้าของคน) ซุบน้ำหมาดๆ เช็ดเอานะคะ จากนั้นให้ใช้ไดร์อุ่นๆ เป่าจนแห้งสนิททั้งตัว ถ้าลูกแมวมีอาการตื่นกลัวเสียงไดร์ สามารถเอาสำลีอุดหูไว้ได้ค่ะ
           
            ก่อนอาบน้ำทุกครั้ง ให้ฝึกการเช็ดหู ตัดเล็บลูกแมวให้คุ้นชินนะคะ ทำทุกครั้งก่อนอาบน้ำ สำหรับลูกแมวเด็ก อาบน้ำ 10 วันต่อครั้งก็ได้ค่ะ แต่หากลูกแมวเป็นเชื้อราควรอาบน้ำทุก 5 วัน ด้วยแชมพูสำหรับรักษาเชื้อรา
 การใช้อาหารเสริมสำหรับลูกแมว

            เริ่มให้ได้ตั้งแต่ลูกแมวมีอายุ 1 เดือนขึ้นไปค่ะ โดยใช้อาหารเม็ดสำหรับลูกแมว แช่น้ำต้มสุก แล้วปั่นจนเหมือนโจ๊ก หรือจะใช้อาหารสำหรับลูกแมวที่เป็นถาดสำเร็จรูป ผสมน้ำอุ่นนิดหน่อยเพื่อที่จะใช้ไซริงก์ดูดขึ้นค่ะ (จะมีของยี่ห้อโรยัล คานิน) โดยใช้ไซริงก์ขนาด 3 CC ป้อนในระยะแรก วันละ 2-3 มื้อเพื่อฝึกการกินอาหารและการย่อยอาหารก่อนค่ะ ในสัปดาห์แรกของการให้อาหารควรให้ครั้งละ 3 CC ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มจนกว่าลูกแมวจะอิ่มค่ะ หลังจากเราเริ่มหัดให้เขากินอาหารเหลวแล้ว ควรใส่อาหารเม็ดสำหรับลูกแมวไว้ให้เขาหัดทานด้วยค่ะ ถ้าเราสังเกตว่าลูกแมวเริ่มกินอาหารเม็ดเองได้ ก็ลดปริมาณมื้อที่เราป้อนให้ลงได้ค่ะ
 การฝึกให้ลูกแมวกินน้ำจากขวด

            จะใช้วิธีการติดขวดน้ำจุกเล็ก ๆ สำหรับลูกแมวในตำแหน่งที่เาสา มารถนั่งกินได้ไว้ใกล้ๆ กันบริเวณขวดน้ำของแม่แมว (หลายครั้งที่เห็นลูกแมวกินน้ำตามแม่แมวค่ะ) แต่ถ้ากรณีดูแล้วปริมาณน้ำไม่ลดเลย ให้เอาปากลูกแมวไปจ่อที่ขวดน้ำได้เลยค่ะ ให้เขารู้ว่ามีน้ำกินจากตรงนี้ จะเป็นการค่อยๆ ฝึกลูกแมวให้เริ่มกินน้ำเองค่ะ
 การฝึกลูกแมวเข้ากระบะทราย

            เริ่มจากการนำกระบะทรายเตี้ย ๆ ที่ลูกแมวสามารถปีนเข้าได้ วางไว้ให้หลังจากลูกแมวเริ่มเดินได้แข็งแรง ตำแหน่งการวางกระบะทรายก็ควรวางไว้ ใกล้กระบะทรายของแม่แมวนะคะ เขาจะเริ่มเข้าตามแม่แมวเองโดยธรรมชิตค่ะ การเข้ากระบะทรายฝึกไม่ยากค่ะ
 การหวีขนลูกแมว

            สำหรับเปอร์เซีย ควรหวีทุก 3 วันครั้ง เพื่อป้องกันการขนพันกันค่ะ แต่สำหรับก็อตติช โฟลด์ ใช้หวีสลิกเกอร์หรือหวีขนหมูหวีทุกสัปดาห์ เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกจากตัวลูกแมวค่ะ
นอกจากนี้ การดูแลเรื่องวัคซีนและถ่ายพยาธิ ลูกแมวควรได้รับการถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป แล้วถ่ายซ้ำรอบที่สองเมื่อลูกแมวมีอายุ 2 เดือน พร้อมกับการทำวัคซีนเข็มแรกด้วยค่ะ หลังจากนั้นควรทำวัคซีนตามที่แพทย์กำหนดเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกแมวค่ะ

10 วิธีดูแลลูกแมวตัวน้อย

การดูแลแมว

การรับแมวเหมียวตัวน้อยมาอยู่ในบ้านนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การดูแลให้เขามีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรงนั้นยากกว่าเป็นหลายเท่า จึงขอรวบรวม 10 วิธีการดูแลลูกแมวตัวน้อยมานำเสนอ เรื่องยากๆจะได้กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนรักแมวทุกคน


1. ให้อาหารที่ถูกต้อง
Feed Him Right

อาหาร คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าเหมียว (และสัตว์อื่นๆ) ฉะนั้นการเลือกสรรอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมในแต่ละช่วงวัยและความต้องการ พิเศษของสายพันธุ์คือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เพื่อพัฒนาการทางร่างกายจะได้เจริญเติบโตอย่างราบรื่นไม่มีติดขัด
ปัจจุบัน นี้ท้องตลาดมีอาหารสำเร็จรูปนับไม่ถ้วนรอให้คุณหยิบไปให้เจ้าเหมียวตัวน้อย ที่บ้าน คำแนะนำง่ายๆของเราก็คืออ่านฉลากข้างถุงให้เป็น ดูซิว่าอาหารดังกล่าวนั้นเหมาะสำหรับช่วงวัยใด สายพันธุ์ไหน ส่วนเรื่องรสชาตนั้นเจ้าเหมียวต้องเป็นฝ่ายตัดสิน
ทั้งนี้หากบ้านของคุณ มีเจ้าตูบอยู่ด้วย เราขอเตือนไว้เลยว่าอาหารของสุนัขไม่เหมาะสำหรับแมว หมั่นคอยสังเกตด้วยล่ะว่าเจ้าเหมียวเข้าไปมั่วกินอาหารหรือเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็เก็บอาหารให้มิดชิด เพื่อชีวิตอันสดใสของแมวน้อย ...อย่าลืมล่ะ
2. หาสัตวแพทย์
Find a Veterinarian

แมวเด็กย่อม ต้องการการดูแลจากสัตวแพทย์มากกว่าแมวโต ทั้งนี้ก็เพราะเขาจำเป็นที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำ เสมอ การมองหาสัตวแพทย์ประจำตัวจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ต้องรอให้มีปัญหาสุขภาพก่อนค่อยพาไปคลินิกอีกต่อไป
ปัจจัยที่คุณควร ใช้ในการคัดเลือกสัตวแพทย์ประจำตัวนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเอง บางท่านอาจไม่หวั่นหากต้องเดินทางไกลเพื่อพบสัตวแพทย์ที่ศึกษาด้านแมวเหมียว มาโดยเฉพาะ บางท่านก็อาจเน้นที่ความสะดวกสบายใกล้บ้านเป็นหลัก ฯลฯ คำแนะนำของเราก็คือเลือกให้ตรงใจที่สุดเท่านั้นก็พอ

3. ขนสวย = สุขภาพดี
Groom for Health

จริงอยู่ ว่าน้องเหมียวเป็นสัตว์รักสะอาด พวกเขาสามารถเลียขนเพื่อทำความสะอาดตัวเองได้ตั้งแต่ยังละอ่อน แต่คุณเองก็สามารถช่วยเหลือเขาในการทำความสะอาดตัวเองได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน หมั่นช่วยเขาหวีขนบ่อยๆเพื่อกำจัดขนที่หลุดร่วง นอกจากจะช่วยเพิ่มสุขอนามัยให้เขาแล้ว ยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างกันและกันอีกทางหนึ่งอีกต่างหาก

4. ป้ายชื่อเพื่อความปลอดภัย
Tag for Safety

ว่า กันว่าแมวเหมียวนั้นมีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าน้องหมา พวกเขาสามารถออกไปเที่ยวนอกบ้านเป็นวันๆได้โดยกลับมาเฉพาะตอนหิวข้าว ในเมื่อไลฟ์สไตล์ของเขาอยู่ไม่ติดบ้าน อะไรล่ะที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเหมียวของคุณจะปลอดภัยเมื่ออยู่ภายนอก
คำ แนะนำของเราก็คือปลอกคอและป้ายชื่อค่ะ ใส่ให้เจ้าเหมียวของคุณตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่ว่าเวลาออกไปนอกบ้านคนอื่นจะได้รับรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ยิ่งไปกว่านั้นควรระบุรายละเอียดให้ชัดเจนลงไปในป้ายชื่อด้วยว่าเจ้าของคือ ใคร เบอร์ติดต่ออะไร เผื่อฉุกเฉินจะได้ตามได้
นอกเหนือการคล้องป้ายและ ปลอกคอแล้ว วิธีการเพิ่มความปลอดภัยอีกอย่างก็คือพาเขาไปแนะนำตัวกับเพื่อนบ้านที่ไว้ใจ ได้ เพื่อให้เขาเป็นหูเป็นตาเวลาเจ้าเหมียวของคุณออกไปป่วนนอกบ้าน จะได้ช่วยกันจับไว้ไม่ให้ไปไกลบ้านเกินไป

5. สั่งสอนตามสมควร
Teach your Kitten well

การ เลี้ยงแมวเหมียวสักตัวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก การฝึกพวกเขาให้เป็นแมวที่ดีนั้นยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ทั้งนี้เพราะพฤติกรรมตามธรรมชาติของเขานั้นเป็นระเบียบอยู่แล้ว ขอแค่เวลาในการเอาใจใส่อย่างจริงจังจากคุณเท่านั้นก็เพียงพอ
โดยการฝึก ที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตแมวบ้านก็คือการใช้กระบะทรายในการขับถ่าย หมั่นฝึกฝนตั้งแต่ยังเยาว์เพื่อสร้างการจดจำและนำไปสู่พฤติกรรมอันเป็นนิสัย เคล็ดลับที่เราอยากแนะนำก็คือหามุมเหมาะในการปลดทุกข์ ซื้อกระบะและทรายแมวจากร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงมาเตรียมไว้ ขั้นตอนต่อไปก็คือหมั่นจับเขาไปนั่งในกระบะเมื่อสังเกตเห็นว่าเขากำลังจะทำ ธุระ ทำซ้ำๆจนให้เขาก้าวเข้ากระบะไปทำธุระด้วยตนเอง เพียงเท่านี้บ้านคุณก็จะเป็นระเบียบเรียบร้อยได้อย่างง่ายๆ

6. แมวต้องฝนเล็บ
Gotta Scratch

คุณอยากให้ เฟอร์นิเจอร์เป็นรอยอันเนื่องมาจากพฤติกรรมฝนเล็บตามบรรพบุรุษของแมวเหมียว หรือเปล่า ถ้าคำตอบของคุณคือไม่ล่ะก็ หาซื้ออุปกรณ์ฝนเล็บมาให้เขาอย่างด่วน เพื่อที่ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านของคุณจะปลอดภัยจากการขูดขีดด้วยกงเล็บ
การ เลือกซื้อที่ฝนเล็บสักชิ้นนั้นไม่มีอะไรยาก คุณสมบัติและประโยชน์ในการใช้สอยแปรผันตามขนาดและราคา บางชิ้นคุณสามารถนำไปตั้งเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งได้เลยในบ้าน เจ้าเหมียวก็สามารถนอนได้ฝนเล็บได้ ครบคุณสมบัติในชิ้นเดียว หรือบางชิ้นก็อาจเป็นแค่ที่ฝนเล็บอย่างเดียวเท่านั้น คุณจะเลือกอะไรก็ตามแต่ความสบายใจได้เลย

7. อย่าลืมการออกกำลังกาย
Exercise, exercise

การ ออกกำลังกายสำคัญสำหรับทุกสิ่งมีชีวิต แมวเหมียวเองก็เช่นกัน หากเขาได้ยืดเส้นยืดสายอย่างเพียงพอ โรคภัยไข้เจ็บก็จะไม่ถามหา ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน การขับถ่ายบกพร่อง ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยส่งเสริมความเป็นมิตรให้เขาร่าเริงสดใสตลอดเวลาอีก ต่างหาก
ในเมื่อการออกกำลังกายนั้นมีผลดีมากมายขนาดนี้ คุณสมควรต้องส่งเสริมให้ถึงที่สุด จัดหาพื้นที่ในการออกกำลังกายให้เขา ซื้อหาของเล่นมาเตรียมพร้อม เพียงเท่านี้อาณาจักรสุขภาพของเหมียวก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆภายในบ้านของคุณเอง

8. เตรียมตัวเผื่อฉุกเฉิน
Prep for Emergencies

เพราะ เราไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าเหตุฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การเตรียมการไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่ควรละเลย อย่าลืมติดต่อสอบถามสัตวแพทย์ใกล้บ้านให้เรียบร้อยว่าสามารถติดต่อได้ในกรณี ฉุกเฉินหรือไม่ หากไม่มีอย่าลืมหาคลินิกสำรองไว้ด้วย เวลาฉุกละหุกจะได้ไม่ต้องวุ่นวายอย่างไรล่ะ

9. ดูแลเขาให้ถูกต้องถูกวิธี
Treat him right

การ ป้องกันนั้นดีกว่าการรักษาเมื่อยามเจ็บป่วย ฉะนั้นเมื่อรับเจ้าเหมียวตัวน้อยเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด อย่าลืมพาเขาไปรับวัคซีนให้ครบตามกำหนดนัดหมาย อายุเดือนครึ่งก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม สัตวแพทย์นัดเมื่อไหร่ต้องไปห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะวัคซีนแต่ละชนิดหมายความถึงการป้องกันโรคร้ายที่หากเป็นขึ้นมาล่ะก็จะ รักษาลำบาก ไม่ว่าจะเป็น โรคไข้หัดหวัดแมว โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว ฯลฯ
นอก จากการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคแล้ว การถ่ายพยาธิคือสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรละเลย อย่าลืมปรึกษาสัตวแพทย์ให้เขาจัดตารางที่เหมาะสมให้กับเจ้าเหมียวของคุณด้วย ล่ะ อ๊ะๆ...เท่านี้ยังไม่หมดนะจ๊ะ อย่าลืมเรื่องการดูแลทำความสะอาดหู ตา จมูก และส่วนต่างๆของร่างกาย เพราะความสะอาดคือสิ่งที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด

10. พิจารณาเรื่องทำหมัน
Spay or Neuter Early

ข้อ สุดท้ายที่เราอยากฝากก็คือการทำหมันแมวเหมียว หากคุณไม่อยากให้เขามีลูกมีหลานหรือเลี้ยงเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ล่ะก็ ตัดสินใจทำหมันไปเลยเมื่ออายุครบเกณฑ์ (ปัจจุบันนี้สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุครบ 10 สัปดาห์) ซึ่งการทำหมันนั้นจะช่วยลดปัญหาพฤติกรรมฉี่เพื่อสร้างอาณาเขตในแมวหนุ่ม รวมทั้งช่วยให้เขาไม่ต้องออกไปเสาะหาคู่ครองนอกบ้าน อันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายได้ง่ายๆ สำหรับแมวสาวนั้นการทำหมันจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านม และลดพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อถึงช่วงเวลาผสมพันธุ์
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจทำหมันหรือไม่ทำขึ้นอยู่กับคุณแต่เพียงผู้เดียวค่ะ

ทั้ง 10 ข้อ ที่เรานำเสนอไปนั้น ขอรับประกันความพอใจค่ะว่าอ่านจบ คุณสามารถเลี้ยงเจ้าเหมียวตัวน้อยของคุณให้เติบโตมาอย่างแข็งแรงสดใสแน่ นอน...ฟันธง

Friday, November 23, 2012

สารอาหารหลักที่แมวต้องการ



อาหารแมว

อาหารแมว คือ อาหารที่ผลิตหรือปรุงแต่งขึ้นให้แมวกิน ถึงแม้แมวจะเป็นสัตว์กินเนื้อประเภทหนึ่ง แต่อาหารแมวที่มีขายในท้องตลาดก็มีทั้งส่วนผสมของเนื้อสัตว์และพืช เพื่อเพิ่มวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ การให้อาหารแมวอย่างถูกวิธีคือการให้อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน และอยู่ในอัตราส่วนปริมาณที่พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไป

สารอาหารหลักที่แมวต้องการ
โปรตีน
มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อปลา และถั่วต่าง ๆ แมวนำประโยชน์ของโปรตีนแต่ละชนิดไปใช้ได้มากน้อยต่างกัน โปรตีนมีความสำคัญต่อแมวเกี่ยวกับการเจริญเติบโต การสร้างแอนติบอดีสำหรับป้องกันเชื้อโรค ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ต่าง ๆ ทำให้ขนงอก ตลอดจนสร้างเอนไซน์ต่าง ๆ เป็นต้น ลูกแมวที่กำลังเติบโตต้องการโปรตีนไม่น้อยกว่า 30 % ถ้าแมวได้รับอาหารที่มีโปรตีนต่ำกว่า 18 % จะเบี่ออาหาร
คาร์โบไฮเดรต
แมวต้องการคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีอยู่ในน้ำตาล แป้งและข้าวต่าง ๆ เพื่อเป็นกำลังในการเจริญเติบโต การผลิตน้ำนมและ การทำงาน ความต้องการพลังงานของแมวขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแมว เช่น แมวที่เคลื่อนไหว ทำงานวิ่งเล่น ย่อมต้องการพลังงานมากกว่าแมวที่นอนอยู่เฉยๆ
ไขมัน
แมวต้องการไขมันสำหรับกำลังงานหรือแคลอรี่ประมาณ 8 % ไขมันให้กำลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2 เท่าและไขมันยังมีกรดไขมันซึ่งมีความสำคัญต่อโภชนาการและการเจริญตามปกติของแมว แมวขาดกรดไขมันจะทำให้ผิวหนังแห้ง และเจริญเติบโตช้า ถ้ามีไม่เพียงพอก่อให้เกิดอาการของโรคขึ้น นอกจากนี้ไขมันยังให้พลังงานเพื่อการเจริญเติบโตตลอดจนการต่อสู้ต่อความเครียด ความหนาว และถ้าขาดมากเกินไปอาจจะทำให้ตายได้
วิตามิน
วิตามิน หมายถึง สารจำนวนน้อยที่สำคัญต่อชีวิต ดังนั้นการให้วิตามินมากเกินไปจึงไม่จำเป็นและมีโทษด้วยวิตามินมีอยู่หลาย ชนิด ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างจะให้วิตามินแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน เช่น
วิตามินเอ ช่วยในการต้านทานโรค มีในเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง น้ำมันตับปลา
วิตามินบี ควบคุมความสมบูรณ์ ให้กับผิวหนัง ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ป้องกันโรคทางประสาท มีในไข่แดง นม ตับ
วิตามินซี ช่วยบำรุงรักษาผิวหนังและขน แก้โรคลักปิดลักเปิด มีในพืชผักผลไม้
วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและกระดูก มีในน้ำมันตับปลา วิตามินดีที่มีมากและเพียงพอจะช่วยทำให้ธาตุแคลเซียมหรือฟอสฟอรัสที่ไม่ได้อัตราส่วนนั้นถูกนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น
วิตามินอี มีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์และการผลิตน้ำนม ดังนั้นจึงควรให้วิตามินเหล่านี้แก่แมว โดยเฉพาะลูกแมว
แร่ธาตุ
มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ช่วยในการสร้างกระดูก ฟัน และเลือด ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ

อาหารแต่ละอย่างก็ให้แร่ธาตุแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน แร่ธาตุที่สำคัญ คือ
แคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมให้กระดูกแข็งแรง ถ้าขาดไปจะทำให้แมวเป็นโรคกระดูกอ่อนโค้งงอ
ชนิดของอาหารแมว
การเลี้ยงแมวตามบ้านส่วนใหญ่ของคนไทย ผู้เลี้ยงมักเลี้ยงแมวด้วยอาหารที่ปรุงขึ้นเองในครัว เช่น ข้าวคลุกปลาหรือไข่ต้มหรือน้ำแกงจืด ซึ่งแมวก็อยู่ได้ แต่ถ้าต้องการเลี้ยงอย่างดีเป็นพิเศษ ในบางครั้งอาจมีการเสริมอาหารประเภทเนื้อ นม เสริมให้กิน
สำหรับชนิดของอาหารแมวนั้น สามารถแบ่งออกได้ 3-4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่สามารถซื้อหามาปรุงเอง อาหารสดหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้มีความแตกต่างกันไปในแง่ของรสชาด คุณภาพ ราคาและคุณค่าของอาหาร ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

อาหารปรุงเอง
การปรุงอาหารขึ้นเองนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับการเลี้ยวแมวทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องการให้อาหารถูกส่วนถูกกับความต้องการของแมวควรปรุงให้ตรงตามสูตร อีกทั้งยังต้องมีความเข้าใจถึงหลักโภชนาการมาก่อน เพราะเป็นการปรุงอาหารให้ตรงตามที่แมวต้องการเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก และค่อนข้างละเอียด ผู้เลี้ยงควรคำนวณทั้งอัตราส่วนและปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมตรงตามความ ต้องการของแมวในแต่ละวัย นอกจากนี้อาหารที่ปรุงเองจะมีรสชาดที่ไม่แน่นอน เช่น เค็ม หรือหวาน ซึ่งอาจไม่ถูกปากแมว บางครั้งอาหารอาจจะมีไขมันมากเกินไป ถ้าใส่ข้าวมากก็จะขาดวิตามิน ถ้าใส่เนื้อมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเกินความจำเป็นส่งผลทำให้ย่อย ยากกระเพาะต้องทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ต้องคำนึง
อาหารสด
เป็นอาหารผสมเสร็จ หาชื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่ว ไป ราคาจะถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นเล็กน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตลอดเวลาเพราะเป็นอาหารสดจึงเสีย ง่าย ต้องซื้อบ่อย ๆ อาหารสดผสมเสร็จนี้บางชนิดก็มีคุณค่าทางอาหารครบ แต่บางชนิดก็มีไม่ครบ และนอกจากนี้อาหารผสมเสร็จยังมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จ ก่อนนำมาให้แมวต้องปรุงให้สุกเสียก่อน

อาหารสำเร็จรูป
อาหารแมวแบบแบ่งขาย
เป็นอาหารแมวที่มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั่วไป โดยทั่วไปแล้วก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนอาหารเหมือนอาหารปรุงเองหรืออาหารสด อาหารสำเร็จรูปมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบเป็นเม็ดและแบบเปียก
อาหารแบบเม็ด
อาหารแมวแบบเป็นเม็ด หรือ อาหารแห้ง จะมีลักษณะเป็นเม็ดส่วนใหญ่มักมีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ ประกอบด้วยธาตุอาหารและวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่แมวต้องการอย่างเหมาะสม ส่วนประกอบของอาหารเม็ดโดยมากมาจากเนื้อสัตว์ ซึ่งได้ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น การบดและอบแห้ง มีคุณค่าของโปรตีนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของแมวในการนำไปใช้ สร้างความเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของไขมันที่ช่วยสร้างพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ ร่างกาย มีวิตามินที่ช่วยให้แมวมันมีขนยาวสวยได้ ที่พิเศษคือมีไฟเบอร์ที่ จะช่วยให้แมวท้องไม่ผูก นอกจากนี้อาหารแห้งยังมีประโยชน์ช่วยขัดฟันของแมวให้สะอาด เพราะเป็นเม็ดกรอบและการเคี้ยวอาหารแห้งก็เป็นการบริหารเหงือกให้แข็งแรงได้ อีกด้วย
การให้แมวกินอาหารเม็ด ควรหัดให้กินตั้งแต่แมวยังเล็ก ๆ หลังอย่านมใหม่ ๆ หรือประมาณ 2 เดือน โดยผสมอาหารแห้งในน้ำนม เมื่อโตได้ประมาณ 3 เดือนจึงให้กินอาหารแห้งเพียงอย่างเดียว สำหรับแมวที่ไม่เคยกินอาหารแห้งมาก่อน การเปลี่ยนมาให้กินอาหารแห้งโดยฉับพลันอาจทำให้แมวท้องเสียได้ เพราะระบบย่อยของแมวนั้นอ่อนไหวและผิดปกติได้ง่ายมาก ฉะนั้นการให้อาหารแมวจึงต้องค่อย ๆ เปลี่ยนโดยสามารถนำอาหารเม็ดมาคลุกผสมกับอาหารเดิมที่แมวเคยกินที่ละน้อย หรืออาจผสมเข้ากับน้ำ นม หรือน้ำแกง เพื่อให้อาหารเม็ดนิ่มขึ้น เมื่อแมวเริ่มชินแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่ควรคำนึงสำหรับการเลี้ยงแมวด้วยอาหารแบบเม็ด คือ ควรจะมีถ้วยใส่น้ำสะอาดตั้งไว้ข้างชามอาหารเพื่อให้แมวกิน เพราะว่าอาหารแห้งนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น เมื่อแมวกินอาหารแห้งจะกลืนไม่ค่อยสะดวกทำให้คอแห้งหิวน้ำได้

อาหารแบบเปียก

อาหารแมวแบบเปียกหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า อาหารกระป๋อง แมวมักจะชอบอาหารชนิดนี้มากกว่าอาหารแบบเม็ด เพราะอาหารเปียกมีลักษณะใกล้เคียงกับอาหารปรุงเอง คือมีลักษณะเป็นน้ำและเนื้อนุ่ม โดยส่วนใหญ่มักประกอบไปด้วยเนื้อปลาหรืออาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอยผสมในเจลลี่

อาหารโปรตีนที่คนไทยนิยมนำมาใช้เลี้ยงแมว
มีดังต่อไปนี้


เนื้อปลาทู
โปรตีน
20%

เนื้อกระบือ
โปรตีน
19.6%

เนื้อโค
โปรตีน
18.8%

เนื้อหมู
โปรตีน
14.1%

เนื้อไก่
โปรตีน
18%

เนื้อเป็ด
โปรตีน
16%

เนื้อห่าน
โปรตีน
16.4%

เนื้อกุ้ง
โปรตีน
20.8%

เนื้อปู
โปรตีน
17.2%






ที่มา
: http://th.wikipedia.org


Monday, September 24, 2012

อาถรรพย์ของแมว


อาถรรพย์และลางร้ายของแมว


ความเชื่อในสมัยโบราณแมวดำ คือแมวแห่งความโชคร้ายที่นำพาความทุกข์และความพินาศมายังตัวผู้เลี้ยงหรือ ผู้ที่ใกล้ชิดกับมัน ความเชื่อของแมวดำมีที่มาเป็นมาอย่างไร ไม่อาจทราบได้ ความเชื่อของความโชคร้ายของแมวดำไม่ได้มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้น ในตำนานเรื่องเล่าของประเทศอินเดียเชื่อว่า แมวดำเป็นสัตว์ลี้ลับ เป็นสัตว์พาหนะของษัษฐี เทพแห่งความตายของทารก

อาถรรพย์ของแมว
อาถรรพย์ของแมว
ในพิธีงานศพของไทยจะถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดไม่ให้มีแมวดำ มากระโดดข้ามโลงศพ หากแมวดำกระโดดข้ามศพเมื่อไหร่จะทำให้วิญญาณร้ายเข้าร่างศพ และตามความเชื่อของชาวมลายู จะนำกรรไกรมาวางไว้บนหน้าอกของคนตาย เพื่อล้างอาถรรพย์เมื่อมีแมวดำเข้ามาใกล้ศพ

ประวัติของแมว


ประวัติของแมว

ประวัติของแมว
ประวัติของแมว

แมว
มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Felis Catus นักชีววิทยาค้นพบว่า บรรพบุรุษของแมวถือกำเนิดขึ้นกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และกินเนื้อเป็นอาหาร เรียกว่า Miacis และได้วิวัฒนาการขั้นมาจนเริ่มมีลักษณะคล้ายแมวเมื่อ 10 ล้านปีก่อน มีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกับแมวป่าที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่ เรียกว่า Dinistis ต้นตระกูลของแมวบ้าน

ต้นตระกูลของแมวบ้านจริงๆนั้น แยกออกมาจากตระกูลของ เสือไซบีเรียน และแมวพื้นเมืองต่างๆ ในปัจจุบันสายพันธุ์แมวถูกรวบรวมไว้ถึง 36ตระกูล 51ชนิด (รวมทั้งสิงโตและเสือต่างๆด้วย) ต่อมาถึงยุคอียิปต์โบราณ ประมาณ 4,000กว่าปีก่อน พวกชาวนาได้นำแมวป่า (แมวพื้นเมืองของอียิปต์)มาฝึกให้เชื่อง เพื่อใช้จับหนูในโรงนาและเมื่อหนูในโรงนาหมดไป ก้อทำให้ผลิตผลและพืชพันธุ์มีความเสียหายน้อยลง ประชาชนก็มีอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น และไม่มีโรคภัยที่เกิดจากหนูอีกด้วยชาวอียิปต์จึงนับถือแมวเป็นสัตว์เทพเจ้า ชาวอียิปต์นับถือเทพเจ้า "Bastet"(เทวีบัสเตต) ซึ่งมีตัวเป็นคน แต่มีหัวเป็นแมว เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และความอุดมสมบูรณ์ นอกจากชาวอียิปต์จะใช้แมวจับหนูในโรงนาแล้ว ยังใช้แมวจับหนูบนเรือสินค้าอีกด้วย ตรงจุดนี้ เลยเกิดความเชื่อว่า เมื่อเรือเทียบท่า แมวก็ลงจากเรือ แต่ไม่ได้กลับขึ้นเรือจึงทำให้แมวขนาดพันธุ์ไปทั่วโลก

ความเชื่อเรื่องแมวตั้งแต่ยุคเก่า

ชาวอียิปต์โบราณนั้นนับถือแมวถึงขนาดแมวในบ้านตาย ยังต้องนำไปทำมัมมี่เลย ซึ่งมัมมี่คนจะทำเฉพาะราชวงศ์และขุนนางเท่านั้น (มัมมี่แมวสามารถหาดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ในประเทศอังกฤษ)ในเมื่อแมวเป็นสัตว์ เทพเจ้าของอียิปต์โบราณ จึงมีกฎ หากใครฆ่าแมว จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก พวกที่ต้องการยึดครองอาณาจักรอียิปต์โบราณ จึงใช้วิธีชั่วร้าย "อุ้มแมวไปรบ"แล้วพวกทหารอียิปต์จะสู้ได้อย่างไร แต่ถึงอียิปต์โบราณจะล่มสลายไปแล้ว ชาวอียิปต์ในสมัยก่อนยังนับถือบูชาแมวเหมือนเดิม ขนาดชาวโรมันบางคนฆ่าแมวยังถูกพวกอียิปต์ลงโทษเลย

ต่อมาเข้าสู่ยุคกลางในยุโรป มีความเชื่อเรื่องแม่มด และความชั่วร้ายต่างๆ ชาวยุโรปในยุคนี้กล่าวหาว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มด (โดยเฉพาะแมวดำ) ดังนั้นใครเลี้ยงแมว จะถูกประณามว่าเป็นแม่มดร้าย ยิ่งเป็นคนแก่เลี้ยงแมวยิ่งแล้วใหญ่ พวกนี้มักจะโดนเผาทั้งเป็น ทั้งคนและแมว ดังนั้นเมื่อ
แมวน้อยลง จึงทำให้มีหนูมากขึ้น ทำให้กาฬโรคระบาดหนักในยุโรปช่วงนั้น แถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นกับจีน เริ่มเลี้ยงแมวกันมากขึ้นจากเดิมที่เคยเลี้ยงอยู่แล้ว และที่ญี่ปุ่นก็ยังใช้แมวเป็นสัญลักษณ์นำโชคอีกด้วย จะเห็นได้จาก "แมวกวัก" ที่ใช้กันตามร้านค้า จะใช้กวักลูกค้า หรือกวักเงินก็แล้วแต่ท่าทางของแมวตัวนั้น และที่จีนก็เชื่อว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค เพราะว่าแมวจะเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ต่อเมื่อมันพอใจที่จะอยู่เท่านั้น เมื่อมันเข้ามาอยู่แล้วเจ้าของบ้าน มักจะมีโชคลาภมา
ประวัติแมว
ประวัติแมว

การเริ่มเลี้ยงแมวในประเทศไทย

ในประเทศไทยก็เริ่มมีการเลี้ยงแมวมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เลี้ยงไว้เพื่อใช้จับหนูเหมือนกับชาวอียิปต์ จนมีตำราแมวให้คุณ-ให้โทษ แมวไทยคู่แรกที่ออกจากประเทศไทยไปสู่สายตาชาวโลก ถูกนำออกไปโดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประราชทานให้กับ Mr.Owen Gould กงศุลอังกฤษประจำกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ.2427 ซึ่งได้นำแมวคู่นี้ไปที่อังกฤษ แมวไทยคู่นี้เป็นแมววิเชียรมาศแต้มสีครั่ง และในปี พ.ศ.2428 แมวไทยคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงานแมว ณ ประเทศอังกฤษ ผลการประกวด ปรากฏว่า แมวไทยคู่นี้ชนะเลิศในการประกวด ทำให้ชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น และได้จัดตั้ง The Siamese Cat Clubs ขึ้นในปีพ.ศ.2443 และ The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นในปี พ.ศ.2471 หลังจากที่แมวไทยคู่นี้ได้ทำเชื่อเสียง ในอังกฤษ ร.5 ทรงเห็นว่า แมวไทยเป็นสัญลักษณ์ ที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของประเทศทั่วโลก จึงได้พระราชทานแมวไทย ให้กับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศทำให้แมวไทย และประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเลยทีเดียว

ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ


ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ

คนไทยเชื่อถือกันว่าหากมีแมวดำข้ามโลงศพ ศพนั้นจะเฮี้ยนนัก หรือแม้แต่มันเดินผ่านหน้าก็ถือว่าจะเป็นลางร้าย 

ความ ผูกพันระหว่างคนกับแมวในลักษณะของความเชื่อมีมาแต่โบราณกาลแล้ว เมื่อราว ๓,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตกาล แมวทุกตัวในสมัยนั้นรวมทั้งแมวดำจะได้รับการยกย่องมาก มีกฎคุ้มครองไม่ให้ผู้ใดทำร้ายหรือฆ่าแมว หากครอบครัวใดมีแมวตาย คนในครอบครัวนั้นจะเศร้าโศกมาก และสำหรับศพของมันไม่ว่าเจ้าของจะยากดีมีจนเพียงใดก็จะแต่งตัวให้แมวอย่าง สวยงาม ใช้ผ้าลินินเนื้อนุ่มห่อศพเอาไว้เหมือนมัมมี่แล้วเก็บในโลงที่ทำจากโลหะมี ค่าเช่น บรอนช์ หรือทำด้วยไม้ซึ่งเป็นของที่หายากมากในอียิปต์ 

เมื่อ ราว ๒,๐๐๐ ปี ก่อนมีข้อเขียนภาษาสันสกฤตพูดถึงบทบาทของแมวในสังคมอินเดีย ส่วนในจีนเมื่อราว ๕๐๐ ปีก่อนคริสตกาลมีหลักฐานว่าขงจื๊อเลี้ยงแมวตัวโปรดอยู่ตัวหนึ่ง ประมาณ ค.ศ. ๖๐๐ นักพยากรณ์ชื่อ มูฮะมัด ท่องบทสวดพร้อมกับอุ้มแมวไว้ด้วยและในช่วงเดียวกันนี้ชาวญี่ปุ่นก็เริ่ม เลี้ยงแมวในสถูปเจดีย์เพื่อรักษาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนคนอียิปต์เมื่อเห็นแมวตกจากที่สูง ๆ แล้วไม่เป็นอะไรก็รู้สึกทึ่ง จึงเริ่มเชื่อกันว่าแมวมี ๙ ชีวิต อย่างไรก็ตามในระหว่างหลายศตวรรษนั้น หากแมวเดินผ่านหน้าใครก็ถือเป็นเรื่องโชคดีของคนนั้น 

ความหวาดกลัวแมวโดยเฉพาะแมวดำเริ่มขึ้นที่ยุโรปในยุคกลาง ที่เห็นชัดเจนก็ในอังกฤษ 
ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ
ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ

แมว มีนิสัยรักอิสระ ดื้อ ชอบขโมย และยังสามารถเพิ่มจำนวนพลเมืองแมวได้อย่างรวดเร็วตามเมืองใหญ่ ๆ ดังนั้นความงามสง่าของมันจึงดูลดน้อยลงในสายตาของผู้คน แมวที่พบเห็นอยู่ตามตรอกมักเลี้ยงกันในหมู่คนยากจนและหญิงชราที่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมื่อความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เวทมนตร์ระบาดไปทั่วยุโรปหญิงชราไร้บ้าน เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเล่นไสยศาสตร์ และแมว (โดยเฉพาะแมวดำ) เพื่อนยากของพวกเธอก็ถูกมองว่าเป็นพวกแม่มดหมอผีไปด้วย 

ที่ ประเทศอังกฤษมีนิทานพื้นเมืองเกี่ยวกับแมวเรื่องหนึ่งสะท้อนความคิดของคนใน สมัยนั้นได้ดี เรื่องมีอยู่ว่าที่เมืองลินคอล์นไชร์ เมื่อทศวรรษ ๑๕๖๐-๑๕๖๙ ในคืนเดือนมืดคืนหนึ่งสองพ่อลูกเห็นสิ่งที่มีชีวิตขนาดเล็กเดินย่องผ่านหน้า พวกเขา ลอดเข้าไปในช่องเตี้ย ๆ ด้วยความกลัวจึงขว้างก้อนหินออกไป ก็ปรากฏว่ามีแมวดำบาดเจ็บโผล่ออกมา แล้วเดินกะเผลกไปบ้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นบ้านของผู้หญิงที่คนทั้งเมืองสงสัยว่าเป็นแม่มด วันต่อมาพ่อลูกคู่นี้ก็พบหญิงคนนี้เดินอยู่ ใบหน้าของเธอมีแผลเป็นรอยถลอก และมีผ้าพันแขนเอาไว้ เวลาเดินขาก็กะเผลก ๆ จากวันนั้นเป็นต้นมาชาวเมืองลินคอล์นไชร์จึงพากันระแวงว่าแมวดำคือแม่มดที่ แปลงตัวมาในยามค่ำคืน 

ปลาย สมัยกลางมีหลายประเทศที่พยายามจะทำลายแมวให้สูญพันธุ์ เพราะโรคกลัวแม่มดระบาดไปทั่ว หญิงที่ไม่มีความผิดและสัตว์เลี้ยงน่าเอ็นดูที่ไม่มีพิษภัยถูกเผาตายเป็น จำนวนมาก แม้เด็กทารกที่เกิดมาแล้วมีดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าเจ้าเล่ห์เกินไปมีบุคลิกแก่แดดเกินไป ก็จะถูกสังเวยความกลัวนี้ เพราะเชื่อว่าแกมีวิญญาณสิงอยู่และจะเติบโตเป็นแม่มดหรือพ่อมดซึ่งกลายร่าง เป็นแมวดำใน ตอนกลางคืน ที่ฝรั่งเศส แต่ละเดือนแมวหลายพันตัวถูกเผา จนทศวรรษ ๑๖๓๐-๑๖๓๙ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๘ จึงทรงสั่งให้หยุดการกระทำอันน่าอดสูนี้ 

แม้ แมวดำจะถูกฆ่าทิ้งไปเป็นจำนวนมากทั่วทั้งยุโรปเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่น่าแปลกที่พันธุกรรมของขนแมวสีดำกลับไม่เคยถูกลบเลือนไปจากเผ่าพันธุ์ของ มัน... หรือแมวจะมี ๙ ชีวิตจริง ๆ

พฤติกรรมของแมว

พฤติกรรมของแมว


การแสดงออกของแมวนั้น เกิดได้จาก สัญชาตญาณ การเรียนรู้ อารมณ์ หากคุณมีความสนใจกับสิ่งต่างๆเหล้านี้ ก็จะทำให้คุณเข้าอกเข้าใจในนิสัยใจคอของแมวที่คุณรักได้มากยิ่งขึ้น อันจะเกิดประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยร่วมกัน

สัญชาตญาณความเป็นเจ้าถิ่นของแมว

โดยปกติเรามักจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า แมวคือสัตว์ที่สามารถจดจำในตัวเจ้าของได้ สามารถจดจำสถานที่อยู่อาศัยของตัวเองได้ดี และมีความหวงถิ่นที่อยู่อาศัยของตัวเองมาก โดยสามารถสังเกตได้ดังนี้  แมวจะขับสารชนิดพิเศษปนมายังปัสสาวะ และทำการถ่ายปัสสาวะไปตามที่ต่างๆ เช่น กำแพง พุ่มไม้ รั้วบ้าน ผนังต่างๆ ซึ่งจะเป็นการถ่ายปัสสาวะออกมาเพียงเล็กน้อย แต่สารชนิดพิเศษนี้จะทนทานนานนับสัปดาห์
ในบางครั้งแมวบางตัวอาจจะทำเครื่องหมายที่แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของถิ่น โดยการฝนเล็บของตัวเองไปตามที่ต่างๆในบริเวณบ้าน เช่น โต๊ะหรือต้นไม้ และใต้อุ้งเท้าของแมวยังสามารถผลิตเหงื่อเจือปนลงไปในรอยข่วน ซึ่งเมื่อแมว ตัวอื่นผ่านมาจะรับรู้ได้ทันทีว่าบริเวณนี้มีแมวตัวอื่นเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
นอกจากนี้แมวยังมีต่อมสร้างกลิ่นอยู่ที่ หัว คาง และโคนหาง เพื่อใช้ในการกระจายกลิ่น

ภาษาของแมว

การสื่อสารของแมวนั้น แมวจะสามารถสื่อสารกันได้ในหลายรูปแบบ ใช้การใช้เสียง ใช้กลิ่น การแสดงออกทางท่าทาง การใช้กลิ่นในการสื่อสารของแมวนั้นสามารถใช้ได้ จากกลิ่นของปัสสาวะ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นจากบริเวณแก้ม คาง โคนหาง และกลิ่นนี้่เองจะเป็นการบ่งบอกว่าแมวตัวไหนคือตัวไหน ซึ่งเราอาจจะเคยพบเห็น แมว2ตัวเจอกันแล้วเอาหน้าชนกันพร้อมกับสูดดมซึ่งกันและกัน นั้นคือการทักทายกันของแมว อีกนึงพฤติกรรมของแมวที่สามารถพบเห็นได้บ่อย คือ การหาวของแมวเมื่อแมวหาวนั้นหมายความแมวของคุณกำลังรู้สึกสบาย ส่วนการส่งเสียงร้องจะเป็นการแสดงออกของแมวว่ากำลังรู้สึกไม่สบายใจ หรือไม่มีความสุข หากแมวร้องหง่าวๆออกนั้นหมายความว่าแมวของคุณกำลังเรียกหาคู่

พฤติกรรมของแมว

ท่าทางของแมว

การแสดงออกท่าทางของแมวนั้นเป็นการแสดงออกให้รับรู้ซึ่งกันและกัน สามารถแสดงออกได้หลายอย่างเช่น การแสดงออกจากทางใบหน้า ลำตัว หู และหาง

หูแมว หูจะเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึกมาก เมื่อหูของแมวยื่นไปข้างหน้าจะเป็นการเตือนของแมวว่ากำลังจะทำการจู่โจม ศัตรูของมัน หากหูของแมวมีลักษณะโค้งกลับต่ำลงข้างๆ เป็นการแสดงออกถึงการปกป้องตนเอง และพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ

หนวด สามารถสังเกตได้จากการกระจายของหนวดแมว หากแมวแผ่หนวดของมันออกมาแสดงว่า แมวกำลังอยู่ในความเครียด หรือกำลังสนอกสนใจกับสิ่งใดสิ่งนึงอยู่ หากหนวดของแมวตั้งขึ้น แสดงว่าแมวกำลังอาย และหากหนวดกางออกมาแบบพอดีแสดงว่าแมวกำลังอยู่ลักษณะสบายๆ มีความพึงพอใจอยู่มาก

แมวโคราช

แมวโคราช


แมวโคราช
แมวโคราช


แมวไทยโคราชหรือแมวสีสวาด มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ที่อำเภอพิมาย นครราชสีมา โบราณเรียกว่า แมวสีดอกเลาหรือแมวมาเลศ เพราะมีสีคล้ายสีดอกเลา หัวจะออกเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน มีคางและกรามที่แข็งแรง หูตั้ง หูใหญ่ เด่นอยู่บนหัว เป็นแมวที่แสดงออกถึงความเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เป็นแมวขนาดกลาง ขนสั้น สีสวาด นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย ขณะที่ยังเป็นลูกแมวอยู่ตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีเหลืองอำพัน

ถือว่าเป็นแมวแห่ง โชคลาภ ใช้ประกอบพิธีในการแห่นางแมวขอฝนเชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มา ของฝน อันสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวไรชาวนา ตาที่เป็นสีเขียวหรือสีเหลืองอำพันนั้น เปรียบเสมือนความเขียวขจีของกล้าข้าวในนา

ในอเมริกานินมและรู้จักแมวสีสวาดของไทยเป็นอย่างดี ด้วยเมื่อครั้ง นางยีน จอห์นสัน ติดตามสามีเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ได้นำแมวโคราชกลับไปอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2502 จากนั้นก็นิยมเลี้ยงกันมากไม่แพ้แมววิเชียรมาศ ขนาดมีการจัดตั้งสมาคมผู้นิยมเลี้ยงแมวไทยพันธุ์โคราชขึ้นในอเมริกาอีกด้วย

แมวดำ

แมวดำ

"แมวดำ" เป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัว คนไทยสมัยก่อนถือกันว่า หากแมวดำข้ามโลงศพ ศพนั้นจะเฮี้ยนนัก หรือหากเดินตัดหน้า จะโชคร้ายเป็นต้น ในขณะที่ทางยุโรปถือว่า แมวดำเป็นแมวของแม่มด

น่าแปลกไหม? ที่ทำไมแมวดำจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายไปได้ ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้านี้ ในยุคอียิปต์โบราณ แมวถือเป็นสัตว์เลี้ยงของเทพเจ้าทีเดียว

แมวดำ
แมวดำ


สันนิษฐานกันว่า ความหวาดกลัว
แมวดำเริ่ม ขึ้นที่ยุโรปในยุคกลาง ทั้งนี้เนื่องจากพลเมืองแมวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคนเลี้ยงแมวส่วนใหญ่ เป็นหญิงชราที่ถูกทอดทิ้ง หญิงชราเหล่านี้มักจะขี้ริ้วขี้เหร่ สกปรก แลดูน่ากลัว ประกอบกับแมวเป็น สัตว์ลึกลับ โดยธรรมชาติอยู่แล้ว เมื่อทั้ง 2 สิ่งมาอยู่รวมกัน ในยุคที่คนกำลังเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ และมนต์ดำเป็นอย่างมาก จึงเป็นธรรมดาที่คนจะนำเรื่องมาเชื่อมโยงกัน และเกิดความกลัวขึ้น

นอกจากนี้ ที่อังกฤษมีนิทานพื้นเมืองเกี่ยวกับ
แมวเรื่อง หนึ่ง เล่าว่า ในคืนเดือนมืดคืนหนึ่ง 2 พ่อลูกเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เดินผ่านหน้าบ้านไป และมุดเข้าไปในช่องเตี้ยๆ ด้วยความกลัวเขาจึงขว้างก้อนหินออกไป ปรากฎว่า ไปถูกแมวดำ! และเขาเห็นมันเดินขากะเผลกไปที่บ้านที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นของหญิงแก่ๆ ที่คนกำลังสงสัยกันว่า เป็นแม่มด เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อลูกคู่นี้ก็เห็นหญิงชราคนนี้ หน้าเป็นแผล แขนเจ็บ และเดินขากะเผลก ตั้งแต่วันนั้นมา ชาวเมืองก็เลยพากันระแวงว่า หญิงชราคนนี้ คือแม่มด ที่แปลงร่างเป็นแมวดำในยามค่ำคืน

ในช่วงปลายยุคกลางโรคกลัวแม่มดระบาดหนักมาก ในแต่ละเดือน มี
แมวดำนับ พันๆ ตัวถูกเผา รวมถึงหญิงชราผู้เป็นเจ้าของแมวด้วย นับว่า เป็นการสังเวยความกลัวที่ออกจะน่ากลัวมากเอาการ.. แต่ในปัจจุบัน ความเชื่อเรื่องแมวดำเป็นแมวของแม่มด ดูจะมีเฉพาะแต่ในนิทานให้เด็กๆ ไว้อ่านสนุกๆ เท่านั้น นับว่า เป็นโชคดีของหญิงจรจัด และแมวไป

ลักษณะแมวมงคล 17 ชนิด

ลักษณะแมวมงคล 17 ชนิด

ลักษณะแมวมงคล  17 ชนิด


ลักษณะแมวมงคล (ให้คุณตามตำราสมุดข่อยโบราณ 17 ชนิด)


แมวมาเลศ
แมวมาเลศ


1. แมวมาเลศ เรียกอีกชื่อว่าแมวดอกเลา สำตัวมีสีขี้เถ้า หรือ สีสวาด บางตัวอาจมีขาวแซมกลายเป็นสีดอกเลา มีดวงตาสีเหลืองอำพัน เลี้ยงไว้จะมีความสุข เป็นที่รักใคร่








แมวศุภลักษณ์
แมวศุภลักษณ์



2. แมวศุภลักษณ์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แมวทองแดง มีสีทองแดงหรือสีน้ำตาลแดงเข้มทั่วตัว ดวงตาสีเหลืองใสเป็นประกายผู้ใดเลี้ยงไว้มีแต่จะเพิ่มยศยิ่งขึ้นไป

แมววิเชียรมาศ
แมววิเชียรมาศ








3. แมววิเชียรมาศ สีพื้นเป็นสีขาวหม่น และมีแต้มสีน้ำตาลเข้ม ที่หน้า หาง เท้าทั้ง 4 หูทั้ง 2 และอวัยวะเพศ รวมเป็นเก้าแห่ง ดวงตาสีฟ้าสด เลี้ยงไว้จะนำโชคลาภมาให้







แมวแซมเศวต
แมวแซมเศวต



4. แมวแซมเศวต มีขนสีดำแซมสีขาว เล็กน้อย ขนบางสั้นร่างเพรียว ดวงตาสีเขียว มีคุณด้านใดมิได้บอกไว้








แมวนิลรัตน์
แมวนิลรัตน์


5. แมวนิลรัตน์ สีดำสนิททั้งตัวไม่ว่าจะเป็นขน ตา เล็บ สิ้นฟัน หางเรียว เลี้ยวไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง








แมวสิงหเสพย์
แมวสิงหเสพย์


6. แมวสิงหเสพย์ มีขนสีดำ แต่มีด่างชาวที่จมูก รอบปากละรอบคอ ดวงตาสีเหลืองทองเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง และจะมีสุข







แมววิลาศ
แมววิลาศ

7. แมววิลาศ สี พื้นสีดำ มีแต้มสีขาวที่หูทั้งสอง เท้าทั้งสี่ แต้มเป็นเส้นตรง 2 แห่งคือ ตั้งแต่คอถึงปลายหาง และตั้งแต่ปากล่างถึงท้อง เลี้ยงไว้จะได้ยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สิน





แมวรัตนกำพล
แมวรัตนกำพล


8. แมวรัตนกำพล มีสีขาวนวล มีแต้มสีดำเป็นวงแหวนพาดรัดรอบลำตัว ตาสีทอง เลี้ยงไว้จะได้อำนาจ ยศถาบรรดาศักดิ์








แมวกรอบแว่นหรือแมวอานม้า
แมวกรอบแว่นหรือแมวอานม้า




9. แมวกรอบแว่นหรือแมวอานม้า สีพื้นสีขาว แต่มีแต้มสีดำ กลางหลัง ดูแล้วคล้ายอานม้า และแต้มดำบริเวณรอลดวงตาเหมือนใส่แว่นเลี้ยงไว้จะมีชื่อเสียง แต่หาได้ยาก








แมวมุลิลา
แมวมุลิลา




10. แมวมุลิลา สีพื้นสีดำ แต้มขาวที่หูทั้ง 2 ข้าง ดวงตาสีเหลืองพระสงฆ์ควรเลี้ยง จะทำให้ศึกษาเรียนรู้ธรรมได้ดียิ่งขึ้น








แมวเก้าแต้ม
แมวเก้าแต้ม


11. แมวเก้าแต้ม สีพื้นสีขาวแต้มด้วยสีดำนับรวมทั้งหมด 9 แต้ม เลี้ยงไว้ค้าขายดี เจริญรุ่งเรือง







แมวนิลจักร
แมวนิลจักร




12. แมวนิลจักร สีพื้นเป็นสีดำ มีแต้มสีขาวรอบคอ เหมือนใส่สร้อยเลี้ยงไว้จะได้เงินทองทรัพย์สิน






แมวกระจอก
แมวกระจอก




13. แมวกระจอก ลำตัวอ้วนกลม สีพื้นสีดำ มีแต้มขาวเฉพาะบริเวณปาก ดวงตาสีเหลืองทองเลี้ยงไว้จะได้ทั้งเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์







แมวปัดเศวตหรือปัดตลอด
แมวปัดเศวตหรือปัดตลอด



14. แมวปัดเศวตหรือปัดตลอด สีพื้นสีดำ มีแต้มขาวยาวตั้งแต่ปลายจมูกผ่านหลังไปถึงปลายหาง ดวงตาสีบุษราคัม เลี้ยงไว้จะมีชื่อเสียงเกิดแก่วงศ์ตระกูล








แมวการเวก
แมวการเวก


15. แมวการเวก มีสีพื้นเป็นสีดำ มีแต้มขางเฉพาะตรงสันจมูกเท่านั้น ดวงตาสีอำพัน เลี้ยงไว้จะมีโชคลาภและยศ







แมวจตุบท
แมวจตุบท



16. แมวจตุบท สีพื้นสีดำ มีแต้มขาวที่ขา และเท้าทั้งสี่ และแต้มยาวตั้งแต่หน้าอกถึงท้อง ดวงตาสีเหลืองเชื้อพระวงศ์ฝ่ายราชินีเท่านั้นจึงควรเลี้ยง







แมวโกญจา
แมวโกญจา



17. แมวโกญจา สีดำสนิททั้งตัว (เฉพาะขน) ขนละเอียด หน้ายาว หางยาวเรียว เท้าเหมือนสิงโต เวลาเดินท่าทางเหมือนสิงโตดวงตาสีทองอ่อน ๆ เลี้ยงไว้